บทที่ 8 มานุษยวิทยาสังคมและวัฒนธรรม  >> หน้า 11

   
                ดังนั้น  นักมานุษยวิทยารุ่นหนุ่มสาวในยุคนั้น (ระหว่างปี คศ. 1945 - 1955) จึงได้ประชุมและปรึกษาหารือ รวมทั้งร่วมกันคิดค้นหาแนวทางหรือทฤษฎี ตลอดจนวิธีการศึกษาใหม่ เพื่อที่จะนำไปใช้ศึกษาสังคมขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างสังคมที่สลับซับซ้อน  อีกทั้งสมาชิกของสังคมเหล่านี้ต่างอพยพมาจากถิ่นที่อยู่ต่างกัน ทำให้มีความคิด  ความเชื่อ  ขนบธรรมเนียมประเพณี  และการดำเนินชีวิตไม่เหมือนกัน

                ไคลด์ มิทเชลล์ (Clyde Mitchell) อาจารย์หนุ่มจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์กล่าวว่า การค้นหาทางเลือกใหม่นี้เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังในราวปี คศ. 1954 เนื่องจาก (1) เกิดความไม่พึงพอใจในการใช้แนวคิดตามทฤษฎีโครงสร้าง - หน้าที่ (2) มีการพัฒนาวิธีการศึกษาเชิงคุณภาพที่เน้นวิเคราะห์ "สายใยความสัมพันธ์" (social network) ตามแนวคิดใหม่(8)  อนึ่ง ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ก็เกิดความรู้สึกเช่นเดียวกันขึ้นในหมู่นักวิชาการชาวฝรั่งเศส  อาทิเช่น หลุยส์ ดูมองท์ ผู้ซึ่งอธิบายในข้อเขียนของเขาที่กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงระบบวรรณะของอินเดียว่า เป็นผลมาจากความเจริญก้าวหน้าของสังคม จึงทำให้คนเริ่มตระหนักถึงตนเองและครอบครัวของเขามากกว่าที่จะยึดถือและแสดงพฤติกรรมออกมาตามความคาดหวังของสังคมหรือตามกฎระเบียบทางประเพณีของสังคมและระบบวรรณะที่กำหนดไว้(้9)  ด้วยเหตุนี้ ขบวนการค้นหาทางเลือกใหม่จึงก่อตัวขึ้นและดำเนินการกันอย่างรีบเร่ง

               นักวิชาการกลุ่มนี้ตั้งฐานอยู่ที่ภาควิชามานุษยวิทยาและสังคมวิทยาของมหาวิทยาแมนเชสเตอร์ โดยได้ร่วมมือกันในหมู่นักวิจัยสนามในยุคนั้น (ราวปี พ.ศ. 2500) อย่างจริงจังในการแปลความหมายของ "สายใยแห่งความสัมพันธ์" เสียใหม่  ทั้งนี้เพราะพวกเขาคิดว่า สายใยแห่งความสัมพันธ์ที่เรดคลิฟ-บราวน์ใช้ในการวิเคราะห์นั้นเป็นไปในเชิงอุปมาอุปมัยหรือใช้เปรียบเทียบมากกว่าที่จะวิเคราะห์ตัวของสายใยโดยตรง(10)

                ในการวิเคราะห์สายใยแห่งความสัมพันธ์ (Network Analysis) ของคนในสังคมตามแนวใหม่นี้ คณะนักมานุษยวิทยากลุ่มนี้ได้ชี้ให้เห็นถึงประเด็นสำคัญดังนี้