บทที่1  อรัมภบท  >> หน้า 3


ได้รับการคัดลอกต่อกันเรื่อยมา นอกจากนี้เอกสารประเภทตำนานยังมีปรากฏในภาคอื่น ๆ ของไทยเช่นกัน อาทิเช่น ตำนานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช ในภาคใต้และตำนานพระธาตุพนม ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น (6)

ตำนานเหล่านี้เป็นตัวชี้ให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของสังคมต่าง ๆ ในแถบสุวรรณภูมิที่เกิดมีขึ้นนับตั้งแต่โบราณกาล ทำให้คนไทยปัจจุบันสามารถสืบสาวเรื่องราวอารยธรรมที่เกี่ยวกับสภาพของสังคม ศิลปวัฒนธรรม และศาสนาของผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณแถบนี้ของโลก ปัจจุบัน ตำนานได้รับการแปลจากภาษาบาลีและภาษาไทยยวนเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศสและพิมพ์ออกเผยแพร่ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา (7)

นอกจากตำนานแล้ว ศิลาจารึกก็เป็นงานเขียนที่บันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ไว้บนแผ่นหินทำให้คนไทยและคนทั่วโลกปัจจุบันสามารถรับรู้เรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดี ศิลาจารึกที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายก็คือ ศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง และของกษัตริย์พระองค์อื่นในยุค สุโขทัย นอกจากนี้ศิลาจารึกยังมีปรากฏอยู่ทั่วไปในอาณาจักรอู่ทอง และอยุธยา ทั้งที่เป็นงานที่พระมหากษัตริย์มีพระราชดำริให้ทำขึ้นและเป็นงานของสามัญชนที่ประสงค์จะบันทึกเหตุการณ์ เรื่องราว และความรู้ในสาขาต่าง ๆ ด้วย (8)

ต่อมาในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ภายหลังที่มีการพิมพ์ภาษาไทยได้แล้ว ผลงานการศึกษาในเรื่องการดำรงชีวิตและขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมทั้งของคนไทยเรา และชนกลุ่มต่าง ๆ ในแถบสุวรรณภูมิก็เกิดมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีการนำเอาระเบียบวิธีการศึกษาเชิงมานุษยวิทยาของชาวตะวันตกมาใช้เป็นแนวทางในการศึกษาเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในงานของศาสตราจารย์พระยาอนุมานราชธน หรือที่รู้จักกันในนามเสถียรโกเศศ ซึ่งท่านได้เขียนหนังสือทางด้านมานุษยวิทยาไว้มากมาย (โปรดดูรายละเอียดในบทที่ 15) ส่วนงานเขียนเรื่องราวของชนต่างชาติที่ได้รับความสนใจแพร่หลายที่สุด ก็คือ พระราชนิพนธ์ไกลบ้าน ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงนิพนธ์ขึ้นเมื่อครั้งเสด็จประพาสยุโรปในระหว่างปี พ.ศ.2449 - 2450 ที่พระองค์ท่านทรงเขียนเป็นพระราชหัตถ์เลขาถึงสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงนิภานภดล (สมเด็จหญิงน้อย) จำนวน 43 ฉบับ พระองค์ท่านนอกจากจะดำรัสเล่าความทุกข์สุขส่วนพระองค์ในการที่เสด็จไปครั้งนั้นแล้ว ยังทรงพรรณาการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนและขนบธรรมเนียมประเพนีของประเทศต่าง ๆ ในยุโรปอย่างละเอียดอีกด้วย ดังนั้น จึง