ภาคผนวก วิธีวิทยาการวิจัยเชิงมานุษยวิทยา>> หน้า 13

               

                แผนที่แสดงที่สาธารณะ หนองน้ำ/แหล่งน้ำ ที่นา ที่สวน ตลอดจนสภาพทางกายภาพอื่น ๆ เช่น ที่ดอน ที่ราบลุ่ม ก็ควรจะมีปรากฏในรายงานการวิจัยด้วย

                แผนที่มีความสำคัญที่จะทำให้ผู้อ่านสามารถทำความเข้าใจสภาพของชุมชนได้ง่าย อนึ่ง ควรเขียนแผนภาพ (diagram) อื่น ๆ เช่น  สังคมมิติ (sociogram) แผนภาพของครอบครัวและวงค์วาน (genealogical chart) อันจะทำให้สามารถมองเห็นภาพความสัมพันธ์ของคนในชุมชน/กลุ่มที่ศึกษาได้ง่ายขึ้น

                (3)                นักมานุษยวิทยาจำเป็นต้องเก็บข้อมูลเชิงปริมาณในส่วนที่จะช่วยให้เกิดความเข้าใจ ที่ชัดเจน เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับประชากร-สำมะโนประชากร อายุ จำนวนคู่สมรส จำนวนคนที่หย่า ฯลฯ ข้อมูลเชิงเศรษฐกิจ-รายได้รายจ่าย ขนาดที่ดินถือครอง ความเป็นเจ้าของ จำนวนองค์การหรือสถาบันที่มีอยู่ในสังคม ข้อมูลเหล่านี้เก็บได้จากครัวเรือนในสังคมที่ศึกษา

                ในบางกรณี ควรมีการเลือกตัวอย่าง (sampling) เพื่อทำการศึกษาหรือเฝ้าสังเกตหาข้อมูลอย่างใกล้ชิด เช่น เมื่อต้องการศึกษาเรื่องการใช้แรงงาน อาจเลือกตัวอย่างราว 10-20 ครัวเรือนเพื่อให้สามารถทำการสังเกตและจดบันทึกการใช้แรงงานของสมาชิกทุกคนในครัวเรือนอย่างละเอียดได้ตลอดทั้งปี ด้วยเหตุนี้นักมานุษยวิทยาจะต้องศึกษาระเบียบวิธีการเลือกตัวอย่างเป็นอย่างดีด้วย7

                (4)                ระบบการเก็บข้อมูลมีความสำคัญยิ่ง นักมานุษยวิทยาจะต้องจัดเตรียมแบบรายการหรือแบบสัมภาษณ์ที่ไม่เป็นทางการ (schedules or guideline) ไว้เป็นชุด ๆ เพื่อใช้ศึกษาแต่ละหัวข้อตลอดช่วงเวลาที่ทำการเก็บข้อมูลในสนาม ในแต่ละเรื่องแต่ละหัวข้อ เช่น กิจกรรมทางการผลิต อาจมีแบบรายการหลายชุดเพื่อเก็บข้อมูลแต่ละช่วงตลอดการเพราะปลูกให้ได้ครบ ถ้วน บางแบบรายการอาจใช้กรอกข้อมูลในระหว่างสอบถามได้เลย  แต่ต้องติดตามตรวจสอบถึงความไว้ใจได้ของข้อมูลนั้นเสมอ ทั้งนี้เพราะการตอบคำถามเกี่ยวกับเศรษฐกิจภายในระยะเวลาอันสั้นอาจจะไม่ได้ข้อมูลที่เป็นจริง ทั้งนี้ อาจเนื่องมาจากเหตุผลที่ว่าผู้ตอบตอบไม่ตรงกับความเป็นจริง หรือมีเวลาให้ตอบสั้นเกินไป หรืออาจมีองค์ประกอบอื่นสอดแทรก ทำให้คำตอบเหล่านั้นไม่สมบูรณ์ก็ได้