ภาคผนวก วิธีวิทยาการวิจัยเชิงมานุษยวิทยา>> หน้า 12

               

เทคนิคในการเก็บข้อมูล

                นักมานุษยวิทยามีเทคนิคในการเก็บข้อมูล ซึ่งอาจจำแนกออกเป็นข้อ ๆ ดังนี้

                (1)                การสังเกตจะต้องสังเกตพฤติกรรมที่แท้จริงว่าคนในสังคมนั้น ประพฤติปฏิบัติต่อกันอย่างไรและการแสดงพฤติกรรมแต่ละประเภทนั้นมีความหมายที่แท้จริงอย่างไร เช่น การร้องเพลง อาจมิได้หมายถึงการแสดงความเพลิดเพลินหรรษาเท่านั้น ในบางกรณีอาจบ่งบอกถึงสภาพที่แห้งแล้ง ฝนฟ้าไม่ตกตามฤดูกาล หรือเป็นการบรรยายถึงความคับแค้นใจ เป็นต้น ดังนั้น ในขณะที่ทำการวิจัยในสนาม (fieldwork) หากนักมานุษยวิทยาพบเห็นสิ่งใด จะพยายามสืบหาประวัติ ความหมายและสัญลักษณ์ที่สิ่งนั้นแทนค่า รวมทั้งพยายามดูว่าสิ่งนั้น ๆ มีหน้าที่ประโยชน์ (function)อย่างไรต่อการอยู่ร่วมกันในสังคม เช่นคำพูดที่ว่าพูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง เป็นคำพังเพยที่แสดงถึงค่านิยมประเภทหนึ่งของสังคม โดยเป็นการสอนให้คนมิให้โอ้อวด และยกตนข่มท่าน เพราะการนิ่งเงียบจะก่อให้เกิดผลดีมากกว่า ในขณะเดียวกัน นักวิจัยจะต้องแสวงหาความหมายของคำว่าเบี้ยและตำลึงว่าเป็นอย่างไร มีค่าเท่าใดและใช้ในยุคไหน เพื่อจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ด้านการใช้เงินตราของสังคมไทยโบราณด้วยอันจะเป็นการเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับสังคมนั้นได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น6

                ความหมายของคำว่าเบี้ยและตำลึงอาจหาได้จากตำราประวัติศาสตร์ที่มีอยู่ตามห้องสมุด นั่นหมายความว่า ข้อมูลบางอย่างไม่จำเป็นต้องเก็บจากสนามที่ไปศึกษาเท่านั้น เพราะอาจต้องค้นหาจากแหล่งอื่นที่อยู่นอกสนาม/สังคมที่กำลังศึกษาอยู่ หรืออาจสอบถามจากผู้รู้ที่อาศัยอยู่ภายนอกสังคมนั้น ๆ ก็ได้

                (2)                นักมานุษยวิทยาควรทำแผนที่ของชุมชนที่ไปศึกษา เพื่อแสดงตำแหน่งของบ้านแต่ละหลัง โรงเรียน วัดหรือเทวสถาน บ้านของผู้นำชุมชน ตลาด และจุดที่ชาวบ้านมักมาชุมนุมหรือมารวมกัน พบปะสังสรรค์พูดคุย เช่น ร้านค้า ลานหมู่บ้าน ฯลฯ นอกจากนี้ ถนนในหมู่บ้าน และถนนหลวงเชื่อมต่อไปยังชุมชนหลักอื่น ๆ ในระดับตำบล อำเภอ จังหวัด รวมทั้งระยะทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง อันจะก่อให้เกิดความเข้าใจถึงความห่างของชุมชนกับชุมชนอื่น ๆ