ภาคผนวก วิธีวิทยาการวิจัยเชิงมานุษยวิทยา>> หน้า 6

 

                วิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่นักสังคมศาสตร์นำไปใช้เป็นเครื่องมือในการหาความรู้นั้น เป็นหลักการกลาง ๆ ที่ทุกสาขายึดถือ เมื่อนักมานุษยวิทยานำหลักการดังกล่าวไปใช้ จำเป็นต้องปรับให้เข้ากับเนื้อหาหรือสิ่งที่ต้องการศึกษา จึงได้พยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวิธีการศึกษา ตลอดเวลาจนกลายเป็นวิธีวิทยาการวิจัยเชิงมานุษยวิทยาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและโดดเด่นยิ่ง

                จากความพยายามในการหาคำตอบเรื่อง สังคมและวัฒนธรรมของมนุษย์ว่ามีการสร้างหรือก่อตัวขึ้นมาอย่างไร นักมานุษยวิทยาจำเป็นต้องออกไปค้นหาคำตอบด้วยการไปศึกษาชนที่อยู่ในสังคมดั้งเดิม หรือสังคมที่สมาชิกยังอยู่ในสภาพเริ่มแรกหรือดั้งเดิมจริง ๆ (hand-to-mouth) ที่ยังหลงเหลืออยู่ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ทั้งนี้เพื่อจะดูว่ารูปแบบและแบบแผนเบื้องต้นที่มนุษย์สร้างวัฒนธรรมขึ้นตอบสนองความต้องการของตนและสังคมมีลักษณะเป็นอย่างไรในสภาพที่ปราศจากอิทธิพลของวัฒนธรรมที่ได้รับการปรุงแต่ง ดังเช่นวัฒนธรรมที่เจริญแล้วจากภายนอกเข้าไปผสมผสาน  ตัวอย่างเช่น การเฝ้าสังเกตวัฒนธรรมการรับประทานอาหารของชนดั้งเดิม พวกเขาอาจใช้มือถือเนื้อย่างกัดกินจนอิ่ม ในขณะที่การรับประทานอาหารของคนในสังคมยุคใหม่จะใช้ส้อมและมีดหั่นเนื้อออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ บนจาน จะเห็นได้ว่าเนื้อหา (content) ของวัฒนธรรมการกินก็คือการสนองตอบต่อความต้องการเพื่อให้ร่างกายดำรงอยู่และเจริญเติบโต แต่รูปแบบ (form) ของวัฒนธรรมประเภทเดียวกันจะมีความแตกต่างกันออกไปตามสภาพของสังคมแต่ละสังคม

                ดังนั้น ความพยายามของนักมานุษยวิทยาในยุคต้น ก็คือ การออกไปศึกษาชุมชนเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวและห่างไกล เป็นสังคมที่ยังอยู่ในสภาพดั้งเดิมอย่างแท้จริง เช่น สังคมชาวเกาะ สังคมคนเถื่อน คนป่า ชาวเขาที่อาศัยอยู่ในถ้ำ หรือเร่ร่อน ทั้งนี้ก็เพื่อจะค้นหารูปแบบพื้นฐานของการสร้างวัฒนธรรมประเภทต่าง ๆ อันได้แก่ วัฒนธรรมด้านครอบครัวและเครือญาติ การศึกษาและการอบรมขัดเกลาทางวัฒนธรรม ความเชื่อและศาสนา การเมือง เศรษฐกิจและเทคโนโลยี และนันทนาการ ความรู้ที่ได้รับจะนำออกเผยแพร่และนำมาจัดลำดับขั้นของการวิวัฒนาการทางวัฒนธรรม ตัวอย่างผลงานในยุคแรก ๆ ได้แก่ Ancient City ของหลุยส์ เฮนรี มอร์แกน (คศ.1877) Primitive Culture โดยเอ็ดเวอร์ด ไทเลอร์ (คศ.1903) Golden Bough โดยเจมส์ เฟรเซอร์ (คศ.1890) และ Ancient Law โดยเฮนรี่ เมน (คศ.1861) เป็นต้น