บทที่16  มานุษยวิทยาปฏิบัติการ  >> หน้า 7

 

                ในอดีตดังที่กล่าวข้างต้นแล้วว่า บทบาทของนักมานุษยวิทยาที่โดดเด่นที่สุดก็คือ การทำหน้าที่เป็นเสมือนตัวแทนนำเสนอข้อมูล (lip-service or cultural broker) อย่างละเอียดเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมาย (target groups) ของการพัฒนา เช่น เสนอข้อมูลของชาวป่า ชาวเขา ชาวนา ผู้อาศัยอยู่ในชุมชนแออัด ชนกลุ่มน้อย ฯลฯ ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะต้องได้รับการพัฒนา โดยจะอธิบายถึงโครงสร้างทางสังคม แบบแผนของความสัมพันธ์และพฤติกรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม ตลอดจนความคิดความเชื่อและค่านิยมของกลุ่มเป้าหมายเพื่อนำมาใช้เป็นฐานในการทำงานการพัฒนา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดได้แก่หนังสือชื่อ การพัฒนาชนบท : ให้ยึดกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก(9) เขียนโดยโรเบิร์ด แชมเบอร์แห่งสถาบันการศึกษาด้านการพัฒนามหาวิทยลัยซัสเซก ประเทศอังกฤษ (Institute of Development Studies, University of Sussex) ซึ่งผู้เขียนได้รับความรู้และปริญญาสาขามานุษยวิทยา นอกจากนี้ มีนักวิชาการชั้นนำที่ทำหน้าที่ตามบทบาทนี้ อาทิเช่น Keith Griffin, Scarlette Epstein, Yujiro Hayami เป็นต้น ส่วนในยุคปัจจุบัน นักมานุษยวิทยาต่างได้เปลี่ยนแปลงบทบาทของตนใหม่มาเป็นผู้ตัดสินใจหรือร่วมในการตัดสินใจในกระบวนการพัฒนาทุกขั้นตอน

                อย่างไรก็ตาม มีผู้กล่าวว่าในบางขั้นตอนของกระบวนการพัฒนานั้น นักมานุษยวิทยายังไม่ได้แสดงบทบาทเด่นชัดนัก เช่น ในขั้นตอนการวางแผน ขั้นตอนการดำเนินงาน และขั้นตอนการประเมินผล   ดังนั้น จึงมีการเรียกร้องให้ทำหน้าที่ในขั้นตอนเหล่านี้ให้มากยิ่งขึ้น(10) ดังมีรายละเอียดดังนี้

                (1)                การวางนโยบายการพัฒนา (policy formation) ทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาคและชนบทหรือส่วนท้องถิ่น เมื่อนักมานุษยวิทยามีความรู้เรื่องสังคมวัฒนธรรมเป็นอย่างดีแล้ว จะต้องแสดงบทบาทในเชิงรุก (active role) ด้วยการเข้าร่วมในการวางนโยบายและสร้างโครงการการพัฒนา ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นต้องแสวงหาความรู้ในเรื่องการวางนโยบาย(11) เพื่อจะได้นำความรู้ไปใช้ในการวางแผนควบคู่กับความรู้ความถนัดในวิชาชีพที่มีอยู่ในตัวอยู่แล้ว