นักมานุษยวิทยาไทย
ดังที่กล่าวในบทต้น ๆ
แล้วว่า
คนไทยได้ให้ความสนใจศึกษาสังคมวัฒนธรรมของชนชาติตนเอง
ของชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ตามบริเวณชายแดนของประเทศและในเขตสุวรรณภูมิ
และของชนต่างชาติมานานนับตั้งแต่ครั้งโบราณกาล
ได้มีการบันทึกเรื่องราวต่าง
ๆ ดังกล่าวไว้ในคำภีร์ใบลาน
ศิลาจารึกและหนังสือต่าง
ๆ ทั้งในรูปพงศาวดาร ตำนาน
ซึ่งพิมพ์เผยแพร่เป็นจำนวนมาก1
อย่างไรก็ตามผลงานเหล่านี้ยังไม่อาจถือได้ว่าเป็นงานทางสาขามานุษยวิทยาเลยทีเดียว
ทั้งนี้เป็นเพราะข้อมูลที่นำมาเขียนมักมาจากแหล่งทุติยภูมิ
และ/หรือจากคำบอกเล่ามากกว่าที่จะออกไปศึกษาด้วยการ
"สังเกตแบบมีส่วนร่วม"
กับชนที่ศึกษาเป็นระยะเวลานานพอเพื่อนำข้อมูลที่ได้รับมาวิเคราะห์ตามระเบียบวิธีการทางมานุษยวิทยา
ต่อมาเมื่อวิทยาการสาขามานุษยวิทยาของชาวตะวันตกได้แพร่กระจายเข้ามาในประเทศไทย
จึงมีคนไทยส่วนหนึ่งที่สนใจศึกษาเนื้อหาวิชา
ทฤษฎี
และระเบียบวิธีการวิจัยอย่างเป็นระบบ
ในขณะเดียวกัน
บางคนก็ออกเดินทางไปศึกษาสาขาวิชานี้ในสถานศึกษา
ณ ต่างประเทศ
ภายหลังที่ได้เรียนรู้อย่างจริงจังแล้วคนเหล่านี้จึงเริ่มศึกษาสังคมของตนเองด้วยวิทยาการสมัยใหม่จากตะวันตก
รวมทั้ง
ได้ทำหน้าที่เป็นผู้สอนตามมหาวิทยาลัยและสถานศึกษาในประเทศไทยที่เปิดสอนวิชามานุษยวิทยาในระดับปริญญาตรีและปริญญาโทเพื่อผลิตบัณฑิตในสาขาวิชานี้
จึงทำให้คนทั่วไปรู้จักและใช้ประโยชน์จากความรู้ที่ได้รับในการทำมาหาเลี้ยงชีพมากยิ่งขึ้น
ดังที่ปรากฏในปัจจุบัน
นอกจากพระยาอนุมานราชธน
ผู้ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นปรมาจารย์สาขามานุษยวิทยารุ่นแรกของไทยแล้ว
ประเทศไทยของเรามีผู้ที่ได้รับการศึกษาทางด้านนี้เป็นจำนวนมากและส่วนใหญ่จะทำงานประจำตามสถานศึกษาต่าง
ๆ ดังนั้น
ผู้เขียนจะขอกล่าวสรุปรวม
ๆ
โดยแยกออกเป็นสำนักตามชื่อของสถานศึกษา
และจะชี้ถึงความสนใจเฉพาะทางที่แต่ละสำนักมีบุคลากรพอสังเขป
ดังนี้
|