หากปราศจากภาษาแล้วก็จะไม่มีการสะสมความรู้ในหมู่มนุษยชาติ
ทั้งนี้เพราะการสะสมความรู้เป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้คนแตกต่างไปจากสัตว์
เพราะสัตว์ไม่สามารถเพิ่มพูนความรู้ให้มีมากกว่าเดิม หรือถ่ายทอดความรู้ใหม่ไปให้แก่ลูกหลานได้
จากการใช้ภาษานี้เองทำให้มนุษย์สามารถรื้อฟื้น
สะสม ต่อเติม
และเปลี่ยนแปลงกิจกรรมทางวัฒนธรรมได้ทุกชนิด
ทั้งที่เป็นวัตถุ และอวัตถุ
เพราะภาษาเป็นสิ่งที่สื่อความหมายทางด้านความคิดและพฤติกรรม
ในขณะเดียวกัน
มนุษย์สามารถที่จะเข้าใจสิ่งต่าง
ๆ ที่คนอื่นพูดหรือแสดง
และสามารถที่จะแสดงความรู้สึกของตนให้ผู้อื่นทราบได้ด้วย
ความสำคัญของภาษาอีกแง่หนึ่งก็คือ
ภาษาเป็นวัฒนธรรมในแง่สร้างสรรค์โดยสามารถแยกประเภทของความคิดและวัฒนธรรมออกเป็นหลาย
ๆ แง่ เช่น การเมือง
การปกครอง ศาสนา
การเศรษฐกิจ การศึกษา ฯลฯ
วัฒนธรรมประเภทต่าง ๆ
ดังกล่าวจะต้องใช้ภาษาเป็นเครื่องมือ
ตัวอย่างง่าย ๆ เช่น
สังคมเผ่ามีจำนวนคำที่ใช้เรียกวัตถุสิ่งของและความคิดไม่มากเท่ากับสังคมที่มีความเจริญและสลับซับซ้อน
ยิ่งในปัจจุบันวิทยาการและความก้าวหน้าในทุก
ๆ ทางได้ก้าวหน้าไปไกล
ภาษาต้องมีการพัฒนาไปด้วย
ในการศึกษาภาษา
ภาษาของทุกสังคมจะแบ่งออกเป็น
3 ส่วน คือ
(1)
บ่อเกิดแห่งเสียง
ลักษณะของเสียงที่เปล่งออกมา
(2)
การรวมตัวของเสียงเพื่อให้เกิดความแตกต่างทางด้านความหมาย
หรือศัพท์
(3)
การรวมตัวของเสียงและของศัพท์
เพื่อให้เป็นประโยค
หรือวลี
หรือที่เรียกว่าเป็นไวยากรณ์
การศึกษาภาษาก็คล้ายกับการศึกษาวัฒนธรรมประเภทอื่น
คือ
เราศึกษาในแง่ของรูปแบบและหน้าที่ประโยชน์
ในกรณีของการศึกษารูปแบบของภาษามักจะหาคำตอบจากคำถามที่ว่าภาษาคืออะไร
รูปแบบของภาษาได้จรรโลงวัฒนธรรมประเภทอื่นอย่างไร
แบบฉบับของภาษาแสดงถึงลักษณะนิสัยของคนและลักษณะเด่นของวัฒนธรรมในสังคมอย่างไร
เป็นต้น
|