บทที่13   ความเชื่อ ศาสนาและการควบคุมทางสังคม  >> หน้า 14

 

                ต่อมา ในสมัยอาณาจักรโชซอน ได้มีคนทรงทั้งที่เป็นหญิงและชายทำหน้าที่เป็นหมอดูให้แก่ประชาชนทั่วไป และมีบางครั้งที่คนทรงถูกขับไล่เพราะปฏิบัติตัวไม่ถูกต้องเหมาะสม ส่วนในสมัยพระราชินีมินแห่งราชวงศ์ยีตอนปลายได้มีการแต่งตั้งคนทรงหญิง ชื่อ ลี เป็นสมาชิกในคณะรัฐมนตรีร่วมตัดสินกิจการบ้านเมืองด้วย ทั้ง ๆ ที่ยุคสมัยที่กล่าวถึงนี้ เกาหลีได้รับเอาศาสนาหลัก เช่น ศาสนาพุทธ ขงจื้อ และคริสต์เข้ามาในประเทศแล้วก็ตาม แต่ความเชื่อในเรื่องคนทรงก็ยังคงมีปรากฏอยู่อย่างแน่นแฟ้น

                ปรัชญาคำสอนของลัทธิคนทรงมิได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรดั่งเช่นคำสอนของศาสนาหลัก แต่ก็อาจจะจับความได้เป็นบางวรรคบางตอนจากคำร้อง การเต้นรำ และการทำพิธีกรรมได้บ้าง ข้อความเหล่านี้จะบ่งบอกถึงความเชื่อถือที่คนทรงมีต่อลัทธินี้ ดังนั้น ลัทธิคนทรงจึงถือว่าเป็นความเชื่อถือของคนโบราณที่มีต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และสิ่งที่อยู่นอกเหนือธรรมชาติ และเป็นความเชื่อถือขั้นต้นที่ยังไม่ได้รับการจัดลำดับปรัชญาคำสอนตามหลักเหตุและผล

                เรื่องราวที่คนทรงแสดงออกในขณะทำพิธีนั้นจะบ่งบอกถึงลักษณะและความเชื่อในผีและวิญญาณ ในเรื่องของจักรวาลและของมนุษย์ หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นเรื่องที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่าง คน ผีหรือวิญญาณ และจักรวาล

                ในเรื่องของผีหรือวิญญาณนั้น คนทรงจะรับใช้ผีราวหนึ่งหมื่นชนิด (ส่วนความเชื่อของคนที่อาศัยอยู่ที่เกาะเจชู-โด เกาะใหญ่ตอนใต้ของคาบสมุทรเกาหลีจะมีวิญญาณกว่า 18,000 ชนิด) คนทรงเชื่อว่า ทั่วทั้งจักวาลนี้มีทั้งผีดีและผีร้าย โดยแยกออกได้เป็นผีของสวรรค์ ผีของโลกมนุษย์ ผีมนุษย์ และผีอื่น ๆ เมื่อคนตายไปแล้วก็จะกลายเป็นผี แต่หากตายด้วยอุบัติเหตุก็จะกลายเป็นผีร้ายหรือที่เรียกว่า ยองซาน วัวจะกลายเป็นผีร้ายและทำอันตรายเจ้าของหากมันตายตอนอายุมาก อนึ่ง ผีที่ร้ายกาจที่สุดในลัทธิคนทรงของเกาหลีก็คือผีที่มาจากการตายด้วยความโศกเศร้า

                ร้อยละหกสิบของผีทั้งหมดเป็นผีของโลกมนุษย์ ผีภูเขา ผีแม่น้ำ และผีตามธรรมชาติต่าง ๆ ลักษณะดังนี้จะเห็นได้ว่า โครงสร้างเศรษฐกิจสังคมเกาหลีในอดีตเป็นแบบสังคมเกษตร