ต่อมา ในสมัยอาณาจักรโชซอน
ได้มีคนทรงทั้งที่เป็นหญิงและชายทำหน้าที่เป็นหมอดูให้แก่ประชาชนทั่วไป
และมีบางครั้งที่คนทรงถูกขับไล่เพราะปฏิบัติตัวไม่ถูกต้องเหมาะสม
ส่วนในสมัยพระราชินีมินแห่งราชวงศ์ยีตอนปลายได้มีการแต่งตั้งคนทรงหญิง
ชื่อ ลี
เป็นสมาชิกในคณะรัฐมนตรีร่วมตัดสินกิจการบ้านเมืองด้วย
ทั้ง ๆ
ที่ยุคสมัยที่กล่าวถึงนี้
เกาหลีได้รับเอาศาสนาหลัก
เช่น ศาสนาพุทธ ขงจื้อ
และคริสต์เข้ามาในประเทศแล้วก็ตาม
แต่ความเชื่อในเรื่องคนทรงก็ยังคงมีปรากฏอยู่อย่างแน่นแฟ้น
ปรัชญาคำสอนของลัทธิคนทรงมิได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรดั่งเช่นคำสอนของศาสนาหลัก
แต่ก็อาจจะจับความได้เป็นบางวรรคบางตอนจากคำร้อง
การเต้นรำ
และการทำพิธีกรรมได้บ้าง
ข้อความเหล่านี้จะบ่งบอกถึงความเชื่อถือที่คนทรงมีต่อลัทธินี้
ดังนั้น
ลัทธิคนทรงจึงถือว่าเป็นความเชื่อถือของคนโบราณที่มีต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และสิ่งที่อยู่นอกเหนือธรรมชาติ
และเป็นความเชื่อถือขั้นต้นที่ยังไม่ได้รับการจัดลำดับปรัชญาคำสอนตามหลักเหตุและผล
เรื่องราวที่คนทรงแสดงออกในขณะทำพิธีนั้นจะบ่งบอกถึงลักษณะและความเชื่อในผีและวิญญาณ
ในเรื่องของจักรวาลและของมนุษย์
หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ
เป็นเรื่องที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่าง
คน ผีหรือวิญญาณ และจักรวาล
ในเรื่องของผีหรือวิญญาณนั้น
คนทรงจะรับใช้ผีราวหนึ่งหมื่นชนิด
(ส่วนความเชื่อของคนที่อาศัยอยู่ที่เกาะเจชู-โด
เกาะใหญ่ตอนใต้ของคาบสมุทรเกาหลีจะมีวิญญาณกว่า
18,000 ชนิด) คนทรงเชื่อว่า
ทั่วทั้งจักวาลนี้มีทั้งผีดีและผีร้าย
โดยแยกออกได้เป็นผีของสวรรค์
ผีของโลกมนุษย์ ผีมนุษย์
และผีอื่น ๆ
เมื่อคนตายไปแล้วก็จะกลายเป็นผี
แต่หากตายด้วยอุบัติเหตุก็จะกลายเป็นผีร้ายหรือที่เรียกว่า
ยองซาน
วัวจะกลายเป็นผีร้ายและทำอันตรายเจ้าของหากมันตายตอนอายุมาก
อนึ่ง
ผีที่ร้ายกาจที่สุดในลัทธิคนทรงของเกาหลีก็คือผีที่มาจากการตายด้วยความโศกเศร้า
ร้อยละหกสิบของผีทั้งหมดเป็นผีของโลกมนุษย์
ผีภูเขา ผีแม่น้ำ
และผีตามธรรมชาติต่าง ๆ
ลักษณะดังนี้จะเห็นได้ว่า
โครงสร้างเศรษฐกิจสังคมเกาหลีในอดีตเป็นแบบสังคมเกษตร
|