คนทรงเกาหลี
: ตัวอย่างกรณี
จากการสำรวจสำมะโนประชากรเมื่อปี
พ.ศ. 2528 คนเกาหลีกว่า 41.4
เปอร์เซนต์เลือกนับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่ง
ในจำนวนนี้ เป็นพุทธศาสนิกชน
8 ล้านคน
นับถือศาสนาคริสต์ทั้งโปรแตสแตนท์และคาธอลิก
8.3 ล้านคน ขงจื้อ 4 แสน 8
หมื่นคน
จะเห็นได้ว่าคนเกาหลีใต้กว่าร้อยละ
60
ไม่ได้ชี้ชัดลงไปว่าตนนับถือศาสนาอะไร
ลักษณะดั่งนี้
คงจะเป็นเช่นเดียวกับคนที่อาศัยอยู่ในเมืองทั่วโลกที่ให้ความสนใจต่อลัทธิความเชื่อน้อยลง
แต่หันมาประพฤติปฏิบัติตนตามกฎหมายบ้านเมืองที่เขียนขึ้นเพื่อเป็นกฎของสังคมแทนลัทธิธรรมเนียม
อย่างไรก็ตาม
ความเชื่อในศาสนาและขนบธรรมเนียมประเพณีมิได้จืดจางหายไปจากสังคม
ทั้งนี้เพราะสิ่งดังกล่าวเป็นแนวทางที่ทำให้คนกับจักรวาลมีความสัมพันธ์ต่อกันอย่างแน่นแฟ้น
และเป็นสิ่งเหนี่ยวรั้งให้คนที่อยู่ร่วมสังคมเดียวกันมีความผูกพัน
ในที่สุด
ขนบธรรมเนียมประเพณีก็จะกลายเป็นวัฒนธรรมของชาติที่แตกต่างไปจากชนชาติอื่น
ดังนั้น
ผู้นำประเทศและคนในชาติมักตระหนักถึงความสำคัญของศาสนาและขนบธรรมเนียมประเพณีของชาติตน
และใช้เป็นเครื่องต่อต้านวัฒนธรรมสากล
เช่น รถยนต์ เครื่องแต่งกาย
เครื่องจักร วิทยุโทรทัศน์
และคอมพิวเตอร์ซึ่งคนทุกชาติมีใช้เหมือน
ๆ กัน ด้วยเหตุนี้
การมองหาเอกลักษณ์ประจำชาติจึงเป็นแฟชั่นที่คนในสังคมอุตสาหกรรมใหม่ต่างรณรงค์และเผยแพร่ให้โลกรู้
ความเชื่อในเรื่อง "คนทรง"
หรือที่ชาวเกาหลีเรียกว่า
"มูดัง"
ถือได้ว่าเป็นพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนาดั้งเดิมของคนเมืองโสมมาแต่ครั้งอดีตกาล
ปัจจุบัน
ความเชื่อนี้ก็ยังมีปรากฏอยู่ทั่วไปและกลายเป็นพิธีกรรมประจำชาติที่มีการสงวนรักษา
รวมทั้งมีการแสดงในโรงละครแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้
การศึกษาเรื่องคนทรงอาจจะทำให้ผู้ศึกษาเข้าใจถึงความเชื่อและขนบธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล
เรื่องภูติผี สายตระกูล
ประเพณีเกี่ยวกับบ้านและครอบครัว
ฯลฯ
ของคนเกาหลีได้ดียิ่งขึ้น
เพราะประเพณีเกี่ยวกับคนทรงเป็นรากฐานของกิจกรรมด้านอื่น
ๆ
ในที่นี้จะขอนำเอาเรื่องราวของลัทธิคนทรงมาเล่าสู่ผู้อ่านดังต่อไปนี้
|