บทที่13   ความเชื่อ ศาสนาและการควบคุมทางสังคม  >> หน้า 2


ลัทธิความเชื่อของชาวเขาเผ่าเย้า

                เย้าก็เช่นเดียวกันกับชาวเขาเผ่าอื่น ๆ ที่ไม่มีศาสนาใด ๆ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจหากแต่ยึดถือในสิ่งที่มีอิทธิพลเหนือธรรมชาติ เช่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภูติผีปีศาจและดวงวิญญาณต่าง ๆ

                ความเชื่อเช่นนี้ได้ฝังแน่นอยู่ในจิตใจของชาวเย้าทุกคนนับตั้งแต่เกิดจนตาย เย้าเชื่อว่าผีมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง เช่นตามป่า ก็มีผีป่า ตามต้นไม้ก็มีผีต้นไม้ หรือในแม่น้ำก็มีผีแม่น้ำ เป็นต้น และเชื่อกันว่าผีสามารถบันดาลสิ่งทุกสิ่งให้เป็นไปได้ต่าง ๆ นา ๆ จะยากดี มีจน จะเกิด จะตาย ก็อยู่ในอำนาจของผีทั้งสิ้น

                ในบรรดาผีทั้งหลายนี้ เย้าได้แบ่งประเภทผี ซึ่งมีทั้งให้คุณและโทษ ผีที่ให้คุณก็จะอยู่บนสวรรค์ ส่วนผีที่ให้โทษก็จะอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพรโดยทั่วไป

                เย้าเล่าว่า เดิมบรรพบุรุษของเขามีวัด มีพระเจ้าสร้างเป็นเทวรูปอยู่ประจำในโบสถ์ วิหารอย่างพุทธศาสนาเหมือนกัน แต่เนื่องจากต้องอพยพโยกย้ายอยู่บ่อย ๆ นี่เองเลยกลายเป็นพวกไม่มีวัด ครั้นมาอาศัยอยู่บนภูเขาก็เลยนับถือผีด้วย

                สิ่งที่พวกเย้านิยมและนับถือมากที่สุด ได้แก่ ดวงวิญญาณบรรพบุรุษซึ่งเปรียบเป็นเทพเจ้าหรือพระเจ้าของเขาอย่างเดียวกับชาวจีนเหมือนกัน  ดวงวิญญาณบรรพบุรุษหรือผีบรรพบุรุษที่เย้านับถือมากได้แก่ บรรพบุรุษในสกุลของบิดา ซึ่งมีระดับความสำคัญตามลำดับแบ่งออกได้เป็นผีทวด ปู่ และบิดามารดา ซึ่งถือว่าเป็นผีเรือน  เป็นผีประเภทให้คุณเช่นเดียวกับผีฟ้าและผีเทวดา  ผีเรือนหรือดวงวิญญาณบรรพบุรุษนี้เขาทำแท่นบูชาไว้ในบ้าน เรียก "เมี่ยนเตีย" ปิดด้วยกระดาษหน่อไม้ไม่มีรูปปั้นหรือรูปภาพแต่อย่างใด นอกจากวางเครื่องบูชาที่มีถ้วยข้าว ถ้วยอาหาร ถ้วยน้ำ กับธูปไม้ เครื่องเซ่นนี้จะต้องเซ่นทุกวัน สำหรับเย้าหัวโบราณจะเซ่นวันละ 3 เวลา และต้องตีฆ้องเพื่อแจ้งให้ผีเรือนทราบก่อน ผีบรรพบุรุษนี้จะมีที่อยู่ในเมืองผีเหมือนกัน ไม่ได้มาอยู่ในบ้านเรือน ที่เราเห็นมีหิ้งผีในบ้านเย้าเกือบทุกบ้านนั้น มิใช่เป็นที่สถิตย์ถาวรของผีบรรพบุรุษ แต่เป็นสิ่งสถิตย์ชั่วคราวยามที่อัญเชิญมาเท่านั้น ดังนั้น เมื่อเชิญผีบรรพบุรุษมาในโอกาสใดก็ตาม จะต้องเชิญให้กลับไปด้วย