ลัทธิความเชื่อของชาวเขาเผ่าเย้า
เย้าก็เช่นเดียวกันกับชาวเขาเผ่าอื่น
ๆ ที่ไม่มีศาสนาใด ๆ
เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจหากแต่ยึดถือในสิ่งที่มีอิทธิพลเหนือธรรมชาติ
เช่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ภูติผีปีศาจและดวงวิญญาณต่าง
ๆ
ความเชื่อเช่นนี้ได้ฝังแน่นอยู่ในจิตใจของชาวเย้าทุกคนนับตั้งแต่เกิดจนตาย
เย้าเชื่อว่าผีมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
เช่นตามป่า ก็มีผีป่า
ตามต้นไม้ก็มีผีต้นไม้
หรือในแม่น้ำก็มีผีแม่น้ำ
เป็นต้น
และเชื่อกันว่าผีสามารถบันดาลสิ่งทุกสิ่งให้เป็นไปได้ต่าง
ๆ นา ๆ จะยากดี มีจน จะเกิด
จะตาย
ก็อยู่ในอำนาจของผีทั้งสิ้น
ในบรรดาผีทั้งหลายนี้
เย้าได้แบ่งประเภทผี
ซึ่งมีทั้งให้คุณและโทษ
ผีที่ให้คุณก็จะอยู่บนสวรรค์
ส่วนผีที่ให้โทษก็จะอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพรโดยทั่วไป
เย้าเล่าว่า
เดิมบรรพบุรุษของเขามีวัด
มีพระเจ้าสร้างเป็นเทวรูปอยู่ประจำในโบสถ์
วิหารอย่างพุทธศาสนาเหมือนกัน
แต่เนื่องจากต้องอพยพโยกย้ายอยู่บ่อย
ๆ
นี่เองเลยกลายเป็นพวกไม่มีวัด
ครั้นมาอาศัยอยู่บนภูเขาก็เลยนับถือผีด้วย
สิ่งที่พวกเย้านิยมและนับถือมากที่สุด
ได้แก่
ดวงวิญญาณบรรพบุรุษซึ่งเปรียบเป็นเทพเจ้าหรือพระเจ้าของเขาอย่างเดียวกับชาวจีนเหมือนกัน
ดวงวิญญาณบรรพบุรุษหรือผีบรรพบุรุษที่เย้านับถือมากได้แก่
บรรพบุรุษในสกุลของบิดา
ซึ่งมีระดับความสำคัญตามลำดับแบ่งออกได้เป็นผีทวด
ปู่ และบิดามารดา
ซึ่งถือว่าเป็นผีเรือน
เป็นผีประเภทให้คุณเช่นเดียวกับผีฟ้าและผีเทวดา ผีเรือนหรือดวงวิญญาณบรรพบุรุษนี้เขาทำแท่นบูชาไว้ในบ้าน
เรียก "เมี่ยนเตีย"
ปิดด้วยกระดาษหน่อไม้ไม่มีรูปปั้นหรือรูปภาพแต่อย่างใด
นอกจากวางเครื่องบูชาที่มีถ้วยข้าว
ถ้วยอาหาร ถ้วยน้ำ
กับธูปไม้
เครื่องเซ่นนี้จะต้องเซ่นทุกวัน
สำหรับเย้าหัวโบราณจะเซ่นวันละ
3 เวลา
และต้องตีฆ้องเพื่อแจ้งให้ผีเรือนทราบก่อน
ผีบรรพบุรุษนี้จะมีที่อยู่ในเมืองผีเหมือนกัน
ไม่ได้มาอยู่ในบ้านเรือน
ที่เราเห็นมีหิ้งผีในบ้านเย้าเกือบทุกบ้านนั้น
มิใช่เป็นที่สถิตย์ถาวรของผีบรรพบุรุษ
แต่เป็นสิ่งสถิตย์ชั่วคราวยามที่อัญเชิญมาเท่านั้น
ดังนั้น
เมื่อเชิญผีบรรพบุรุษมาในโอกาสใดก็ตาม
จะต้องเชิญให้กลับไปด้วย
|