4.รัฐกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมือง
จริงอยู่
ที่ความสนใจของนักมานุษยวิทยามักจะเน้นศึกษาระบบการเมืองของสังคมเล็ก
ๆ
ตั้งอยู่โดดเดียวและมีความสมบูรณ์ในตัวแทบทุกด้าน
ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ
สังคม และการเมือง
อย่างไรก็ตามในยุคปัจจุบัน
สังคมได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
สังคมเล็ก ๆ
ต่างรวมเข้าเป็นรัฐใหญ่
อำนาจทางการเมืองได้เพิ่มความสลับซับซ้อน
องค์ประกอบทางด้านการเมืองได้เพิ่มจำนวนและมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น
สำหรับกิจกรรมทางการเมืองของรัฐใหม่ในประเทศกำลังพัฒนายังอยู่ภายใต้ความสัมพันธ์กับระบบประเพณีนิยมมาก
ปรากฏการณ์ทางการเมืองเช่นนี้เป็นข้อมูลที่สำคัญที่นักมานุษยวิทยาทำการศึกษาค้นคว้าและวิเคราะห์
ปัญหาที่น่าสนใจคือคนมีความเข้าใจต่อความหมายเกี่ยวกับ
"รัฐ" มากน้อยแค่ไหน
รัฐสมัยใหม่รวมเอาคนในสังคมเล็ก
ๆ
ซึ่งเคยมีความรู้สึกผูกพันกับการเมืองดั้งเดิมได้อย่างไร
บทบาทของผู้นำทางการเมืองต่อการเมืองการปกครองใน
"รัฐใหม่" เป็นอย่างไร
คำถามเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญต่อการศึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมือง
เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงจากระบบเดิมมาสู่ระบบใหม่
แต่ยังอยู่ในภาวะครึ่ง ๆ
กลาง ๆ
ด้วยเหตุนี้บทบาทของนักมานุษยวิทยาจึงมีความสำคัญในการศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคมประเภทเหล่านี้
อำนาจและการควบคุมทางสังคม
(Authority
and social control)
ไม่ว่าการตัดสินใจของรัฐจะอยู่ในมือของหัวหน้าเผ่า
พระมหากษัตริย์
คณะผู้อาวุโส
ของเผ่าหรือผู้แทนที่ได้รับเลือกอย่างเป็นทางการเพื่อให้ทำหน้าที่ปกครอง
อำนาจแห่งการปกครองจะต้องมีอยู่
อำนาจดังกล่าวอาจได้มาด้วยการปฏิวัติการถ่ายทอดไปสู่หัวหน้าคนใหม่หรือเปลี่ยนคนโดยการเลือกตั้งก็ตาม
อำนาจนั้นจะต้องมีผลในการบังคับเพื่อให้คนอื่นปฏิบัติตามกฎข้องบังคับของสังคม
ลูซี แมร์
นักมานุษยวิทยาชาวอังกฤษ
ได้กล่าวเสริมว่า
ไม่มีสังคมไหนที่กฎหมายจะได้รับการปฏิบัติตามทั่วทุกคน
ฉะนั้นจึงต้องมีการรักษาไว้ซึ่งความสันติสุขของผู้ปฎิบัติตามกฎหมายและลงโทษผู้กระทำผิด
บทลงโทษผู้กระทำผิดอาจแตกต่างและแยกย่อยออกไปตามอัตราของการประพฤติผิดจากกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้
บทลงโทษนี้อาจะมีทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ
ซึ่งแยกได้ดังนี้
|