ดังนั้นผู้อ่านจะสังเกตได้ว่า
การแบ่งชั้นทางสังคมเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบการเมืองในทุกสังคม
ความแตกต่างทางสถานภาพเป็นเครื่องกำหนดสิทธิและหน้าที่ของแต่ละบุคคลที่จะต้องปฏิบัติตาม
หากเราจะกล่าวว่า "ไม่มีสังคมใดที่ปราศจากระบบทางการเมือง"
แล้ว
ก็ต้องพูดเสริมต่อไปอีกว่า
"ไม่มีระบบการเมืองใดที่ปราศจากการมีความแตกต่างกันของคนในสังคม"
3.
ศาสนากับอำนาจ
(Religion and Power)
ศาสนาในที่นี้ขอหมายรวมถึงลัทธิความเชื่อต่าง
ๆ (cults)
ที่มีอิทธิพลเหนือพฤติกรรมของมนุษย์
เหตุผลที่ต้องขยายขอบเขตของความหมายของศาสนาออกไปอย่างกว้างขวางก็เพราะในบางสังคม
ระบบความเชื่อยังมิได้เป็นแบบแผนดังเช่นคริสต์ศาสนา
พุทธศาสนา
หรือศาสนาอิสลาม
แต่เนื้อหาสาระและวิธีการประพฤติปฏิบัติของคนต่อลัทธิความเชื่อนั้นคล้ายกับการปฏิบัติตามศาสนาทั่วไป
นักมานุษยวิทยาจึงใช้คำว่า
"ศาสนา"
แทนระบบพฤติกรรมของคนที่มีต่อลัทธิความเชื่อและความเชื่อที่มีต่อสิ่งที่อยู่นอกเหนือธรรมชาติทั้งหมด
ศาสนามีความเกี่ยวพันกับอำนาจมาก
ทั้งนี้เพราะความเชื่อของคนต่ออำนาจนอกเหนือธรรมชาติได้แสดงออกมาในรูปของการบวงสรวงต่อบรรพบุรุษดั้งเดิม
(ancestor worship)
ความเชื่อเกี่ยวกับกษัตริย์ในฐานะที่เป็นสมมุติเทพ
ตลอดจน
ความเชื่อว่าอำนาจของพ่อมดหมอผีมีเหนือพฤติกรรมของคน
เหตุผลของการยอมรับความเชื่อดังกล่าวอาจจำแนกได้เป็น
2 ลักษณะดังนี้
(1)
มนุษย์ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในยามคับขัน
จึงจินตนาการรูปร่างของอำนาจนอกเหนือธรรมชาติขึ้นมา
เพื่อยึดเป็นหลักในการเคารพบูชาและช่วยปกป้องยามมีภยันตรายมาโรมรัน
(2)
ได้มีบางคนหรือกลุ่มคนบางกลุ่มทำหน้าที่เป็น
"ตัวแทน"
ของอำนาจนอกเหนือธรรมชาติและอ้างว่าเขาสามารถติดต่อกับพระเจ้าได้
ทำให้คนอื่น ๆ
ให้ความเคารพนับถือตัวแทนนั้น
ๆ
|