บทที่12  พฤติกรรมทางการเมืองและการควบคุมทางสังคม  >> หน้า 5


                ความเกี่ยวข้องกันระหว่างความไม่เท่าเทียมกันในสังคมกับความสัมพันธ์ทางเครือญาติและสายเลือดก่อให้เกิดความสับสนในการอธิบายปรากฏการณ์ประเภทนี้มาก ในเบื้องต้นเราจะต้องดูก่อนว่า ระดับของความสัมพันธ์ของคนในสังคมเป็นเช่นใด เช่นแบบเท่าเทียมกัน ได้แก่ ญาติต่อญาติ พี่ต่อพี่ หรือแบบสูงต่ำ ได้แก่ พ่อกับลูก พี่กับน้อง ซึ่งในแต่ละสังคมมีการกำหนดคำที่ใช้เรียกชื่อแทนซึ่งแสดงถึงตำแหน่งของคน เช่น พี่ ป้า น้า อา เป็นต้น คำเหล่านี้ได้สอดแทรกวัฒนธรรม   สิทธิและหน้าที่ที่กำหนดความประพฤติของคนหนึ่งต่ออีกคนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ลักษณะของอำนาจจึงบังเกิดขึ้นและมีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ของปัจเจกบุคคล และกลุ่มคน เช่น พ่อมีอำนาจเหนือลูก ญาติทางฝ่ายชายมีอำนาจเหนือญาติทางฝ่ายหญิง เป็นต้น

                ในบางสังคม ผู้ที่มีสิทธิในการออกเสียงหรือร่วมจัดการเกี่ยวกับกิจกรรมของชุมชนต้องเป็นเพศชายเท่านั้น ดังนั้น อำนาจของฝ่ายชายในสังคมเหล่านี้จึงมีเหนือผู้หญิงในสังคมเดียวกัน ในขณะเดียวกันอายุก็มีบทบาทซ่อนอยู่เหนืออิทธิพลทางด้านเพศ ในหลายสังคม ผู้ปกครองจะต้องมีอายุมากพอที่จะปกครองสังคมได้ เช่น การนับถืออาวุโสในสังคมจีน ผู้เยาว์วัยต้องเคารพยำเกรงและอยู่ใต้โอวาทของผู้อาวุโส ประเพณีแบบนี้เป็นการกำหนดอำนาจและสิทธิพิเศษของคนกลุ่มหนึ่งให้มีอิทธิพลเหนือคนอีกกลุ่มหนึ่ง ปัจจัยทางสังคมดังกล่าวมีลักษณะเป็นพื้นฐานสำคัญของระบบการเมืองไม่เฉพาะระดับท้องถิ่น (local - level politics) เท่านั้น แต่ลักษณะดังกล่าวยังปรากฏในพฤติกรรมทางการเมืองในสังคมใหญ่ (nation - state) ด้วย