บทที่9
ระบบเศรษฐกิจเทคโนโลยีและสภาพนิเวศ
>>หน้า
15
|
|
ประเพณีที่ประพฤติปฏิบัติกันอยู่มักเกี่ยวข้องโดยตรงกับการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเล็ก
ๆ
โดยคนส่วนใหญ่จะมีทัศนคติยอมทำตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่เคยทำกันมา
เช่น
แบบแผนการพูดจาต่อกัน
การเคารพยกย่องผู้ใหญ่
และการทำบุญ เป็นต้น
สมาชิกของสังคมมักจะกระทำตามความปรารถนาของสังคมไปในทิศทางเดียวกัน(10)
ระบบเศรษฐกิจจะผูกพันกับการเพาะปลูก
ในขณะที่สังคมชนบทบางสังคมจะมีอาชีพหลัก
เช่น เลี้ยงสัตว์ (วัว แกะ
แพะ)
ส่วนบางสังคมจะประกอบอาชีพการประมง
ซึ่งก็แล้วแต่สภาพแวดล้อมทางกายภาพที่สังคมนั้น
ๆ ตั้งอยู่ นอกจากนี้
จะมีอาชีพเสริม
ดังเช่นการศึกษาของนักมานุษยวิทยาชาวอเมริกันชื่อแมนนิ่ง
นาช (Manning Nash)
ที่ทำการวิจัยอาชีพเสริมของคนในหมู่บ้านต่าง
ๆ ของประเทศเม็กซิโก
พบว่าหมู่บ้านซินซันแซนทำการผลิตหม้อและภาชนะที่ทำด้วยดินเหนียว
หมู่บ้านไคโรกามีความเชี่ยวชาญในงานไม้จึงทำการผลิตไม้แกะสลักและเครื่องเขิน
ส่วนหมู่บ้านจานิทซิโรเป็นแหล่งผลิตเสื่อใบอ้อยและพัด
และหมู่บ้านซานตา
คลาล่าผลิตภาชนะใช้สอยด้วยทองแดง
แมนนิ่ง นาช
ยังกล่าวต่อไปอีกว่า
ครอบครัวหนึ่งจะเปลี่ยนงานอาชีพหัตถกรรมจากประเภทหนึ่งไปเป็นอีกประเภทหนึ่งได้ยากยิ่ง
เพราะความชำนาญในการทำงานแต่ละอาชีพนั้นได้สืบทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุคนทีเดียว (11)
4.
โรนอลด์ แฟรงกินเบอร์
ได้ศึกษาชุมชนกลอสสอบ
ประเทศอังกฤษ
ซึ่งเป็นสังคมเมืองอุตสาหกรรม
โดยได้วิเคราะห์ระบบเศรษฐกิจและสังคมของเมืองนี้ได้อย่างละเอียด
ดังนี้
กลอสสอบเป็นเมืองอุตสาหกรรมเล็ก
ๆ
เมืองหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองแมนเชสเตอร์เพียง
13 ไมล์
อุตสาหกรรมหลักของที่นี้ก็คือผ้าฝ้าย
ในระหว่าง คศ. 1900
ถึงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอุตสาหกรรมฝ้ายของเมืองนี้ได้ขยายตัวสูงสุด
มีโรงงานขนาดใหญ่ 9 แห่ง
จำนวน 8
แห่งเป็นโรงงานผลิตฝ้ายและอีกแห่งเป็นโรงงานกระดาษ
เจ้าของอุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่มีฐานะร่ำรวยและอาศัยอยู่ในเมืองนี้
ประชากรเพิ่มขึ้นเป็น 9
เท่าในคริสต์ศตวรรษที่ 19
ในปี คศ. 1851 จำนวนประชากรมี
17,500 คน และ 38
เปอร์เซนต์ของเพศชายและ 27
เปอร์เซนต์ของเพศหญิงเข้าทำงานในโรงงานผ้าฝ้าย
|
|