บทที่9
ระบบเศรษฐกิจเทคโนโลยีและสภาพนิเวศ
>> หน้า
11
|
|
ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
จะเห็นได้ว่าลักษณะของสภาพสังคมของคนในเมืองแอชตันมีดังนี้
(1)
คนงานในเหมืองถ่านหินมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้นภายใต้พื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจและสังคมที่คล้ายคลึงกัน
ทำให้ดูประหนึ่งว่าเป็นคนใน
"ชนชั้น" เดียวกัน
(2)
เหมืองถ่านหินตั้งอยู่นอกเมือง
ทำให้กรรมกรต้องอาศัยอยู่ในบริเวณที่ค่อนข้างโดดเดี่ยวเฉพาะกลุ่มกรรมกรเพื่อทำงาน
การรวมกลุ่มของคนทำงานเหล่านี้ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาแน่นแฟ้นและเป็นคนเพศเดียวกันล้วน
ๆ
จึงทำให้มีอำนาจในการต่อรองกับนายจ้าง
(3)
ความสัมพันธ์ในการอุตสาหกรรมระหว่างกรรมกรกับนายจ้างซึ่งมักจะมีความตึงเครียด
และเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
ลักษณะการรับจ้างของแรงงานชายในเหมืองถ่านหินเริ่มขึ้นเมื่อเด็กชายที่เริ่มเข้าสู่วัยทำงาน
จะได้รับค่าจ้างที่ต่ำสุด
ค่าจ้างจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ
จนกระทั่งเขาอายุได้ 26 ปี
และจะทรงตัวตลอดไป
จนอายุได้ 40 กว่า ๆ
ไปจนถึงระยะเวลาที่เขาทำงานไม่ไหว
ในกรณีที่เขาได้รับอันตรายในขณะที่ทำงานซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อย
ๆ ในเหมืองถ่านหิน
กรณีนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะสามารถทำงานได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม
ตลอดระยะเวลาของการทำงานนั้น
ค่าจ้างอาจจะถูกตัดเหลือครึ่งหนึ่งเป็นการถาวรหรือชั่วคราวก็ได้
ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ
ความพอใจในอาชีพการขุดถ่านหินสำหรับกรรมกรไม่ค่อยสูงนัก
พ่อแม่มักจะไม่ต้องการให้ลูกชายของตนไปทำงานในเหมือง
และคนหนุ่มสาวก็มักกล่าวว่าการขุดถ่านหินไม่ใช่งานที่พวกเขาจะทำ
แต่ในที่สุด
คนส่วนใหญ่ก็ต้องลงไปทำงานประเภทนี้
เพราะงานอื่นมีไม่มากนักและค่าจ้างก็สูงพอที่จะดึงดูดคนไปทำเมื่อเปรียบเทียบกับงานประเภทซ่อมแซมบ้าน
คนขับรถและคนงานรถไฟ
อีกประการหนึ่งการเป็นกรรมกรเหมืองถ่านหินก็เป็นการร่วมชีวิตในประสบการณ์เดียวกับคนส่วนใหญ่ในสังคมแอชตันด้วย
|