ข. ทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากนักมานุษยวิทยากายภาพ
ได้แก่ระดับของสีผิวมักสัมพันธ์โดยตรงกับภูมิอากาศรอบข้าง
ดังจะเห็นได้ว่า คนผิวดำมักพบว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในเขตร้อนและเขตที่มีความชื้นสูงหรือบริเวณรัศมี
20
องศาเหนือใต้จากเส้นศูนย์สูตร
ทั้งนี้เพราะผิวสีดำสามารถดูดซับความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้ดีกว่า
ผลการทดลองพบว่า ผิวสีดำของคนนิโกรสะท้อนแสงได้เพียง
24 % ในขณะที่ผิวสีขาวของคนยุโรปสะท้อนแสงราว
64 %
นั่นหมายความว่าคนผิวดำได้เปรียบในแง่การดูดซับความร้อนได้ดีกว่าคนผิวขาว
นอกจากนี้
ผิวขาวจะไหม้ได้ง่ายกว่าหากถูกแสงแดดตรง
ๆ และผิวขาวมีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังมากกว่า
ดังนั้น
จึงพบว่าแสงอาทิตย์มีส่วนทำให้เกิดการแบ่งแยกถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ต่างสีผิวให้อาศัยอยู่ในเขตภูมิอากาศที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตามทฤษฎีเกี่ยวกับชาติพันธุ์ยังไม่อาจหาข้อยุติได้
เพราะมีข้อโต้แย้งมากมาย(4)
อาทิเช่น ชาวเอสกิโมมีผิวสีเหลืองแต่อาศัยอยู่ในเขตขั้วโลก ในขณะที่ชาวอียิปต์อาศัยอยู่แถบเส้นศูนย์สูตรแต่มีสีผิวดำเข้มน้อยกว่าพวกนิโกรที่อาศัยอยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากกว่า
ในการศึกษาเรื่องชาติพันธุ์ของมนุษย์นี้บางครั้งก่อให้เกิดปัญหาทางด้านข้อขัดแย้งระหว่างหมู่มนุษยชาติเพราะก่อให้เกิด
"อคติทางเชื้อชาติ"
(racism) ได้ ดังตัวอย่างเช่น
คนผิวขาวมักอ้างว่าพวกตนดีเด่นและเฉลียวฉลาดกว่าคนผิวสีดำและผิวเหลือง
จึงสามารถสร้างเทคโนโลยี
เครื่องไม้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ให้ก้าวหน้าทันสมัยได้มากกว่า
อนึ่ง
แม้คนผิวสีเดียวกันก็มีอคติต่อกัน
อาทิเช่น
คนเยอรมันมักคิดว่าพวกเขามีคุณลักษณะทางพันธุกรรมเหนือกว่าคนผิวขาวกลุ่มอื่น
และคนญี่ปุ่นก็อ้างว่า
ยีนของพวกเขามีคุณภาพมากกว่ายีนของคนผิวเหลืองอื่น
ๆ และดีกว่าของคนผิวขาว
ดังนั้นนักวิชาการของสังคมเหล่านี้จึงใช้วิธีการทางพันธุศาสตร์วิเคราะห์โครงสร้างของยีนและโมเลกุลดีเอ็นเอเพื่อจะหาหลักฐานสนับสนุนคำกล่าวอ้างถึงวุฒิปัญญาและความเฉลียวฉลาดของเผ่าพันธุ์ของตนว่าดีเด่นกว่าชาติพันธุ์อื่น
รวมทั้งมีการ
ดูถูกเหยียดหยามคนเผ่าพันธุ์อื่นที่มิใช่กลุ่มพันธุ์ของตน
การกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความรังเกียจเดียจฉันท์และการต่อสู้อย่างรุนแรงทางเชื้อชาติในแต่ละประเทศ
เช่น สหรัฐอเมริกา
อังกฤษ แคนาดา
และสหภาพแอฟริกาใต้
นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดสงครามโลกระหว่างเยอรมันกับพันธมิตรในยุโรปและญี่ปุ่นกับประเทศต่าง
ๆ ในเอเชีย
|