บทที่6  สกุลโฮโม  >> หน้า 8


โดยเชื่อกันว่าเป็นโฮมินิดกลุ่มแรกที่แยกสายวิวัฒนาการออกจากวานร  ซึ่งถือกันว่าเป็นจุดเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ  ทำให้เราสามารถสืบสายการวิวัฒนาการต่อไปเป็นมนุษย์โบราณ  นั่นคือ เป็นการค้นพบ "missing link" ได้แล้ว

                มนุษย์ปัจจุบันสืบสายการพัฒนามาจากสกุลโฮโม  แต่สกุลนี้ก็แยกออกเป็น 2 สปิชี่ ได้แก่ โฮโม อีเรคตัส  และโฮโม เซเปียนส์  ในที่สุด โฮโม เซเปียนส์ก็กลายเป็น โฮโม เซเปียนส์ เซเปียนส์หรือมนุษย์เราท่านดังที่เห็นกันในทุกวันนี้

                การสืบสาวหาเรื่องราวเกี่ยวกับการวิวัฒนาการของมนุษย์ซึ่งเป็นงานของนักมานุษยวิทยากายภาพได้สิ้นสุดลงเมื่อมนุษย์สามารถเขียนภาพและบันทึกเป็นตัวหนังสือ เพราะงานต่อจากนี้ไปตกเป็นภาระหน้าที่ของนักประวัติศาสตร์ที่จะรวบรวมหลักฐานที่ได้รับการจดหรือบันทึกด้วยภาษามาถ่ายทอดให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาหาความรู้กันต่อไป จะเห็นได้ว่า หน้าที่หลักของนักมานุษยวิทยากายภาพจึงเน้นไปที่การศึกษาการวิวัฒนาการของยุคก่อนประวัติศาสตร์ หรือที่มีชื่อเรียกเฉพาะว่า วิชามานุษยวิทยาสาขาโบราณศึกษา (Paleoanthropology ดูคำจำกัดความในตอนต้นของบทที่ 5)

                อย่างไรก็ตาม ในยุคประวัติศาสตร์ที่มนุษย์สามารถบันทึกหลักฐานต่าง ๆ ด้วยตัวหนังสือได้   ก็มีนักมานุษยวิทยาบางกลุ่มให้ความสนใจเรื่องราวต่อมา   หรือมีชื่อเรียกเฉพาะว่า วิชามานุษยวิทยาเชิงประวัติศาสตร์ (Historical Anthropology) และอีกสาขาหนึ่งชื่อวิชามนุษยวิทยาเชิงโบราณคดี (Archaeological Anthropology)  ทำหน้าที่ต่อจากนักมานุษยวิทยากายภาพในการแสวงหาความรู้เกี่ยวกับมนุษยชาติหลัง 40,000 ปีลงมา  โดยศึกษาจากบันทึกที่มีการจดไว้  วัตถุสิ่งก่อสร้าง  ศิลปวัฒนธรรม  และเทคโนโลยีทุกประเภทเพื่อศึกษาวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ นับตั้งแต่มนุษย์โครมันยองมาจนถึงปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร  มีการพัฒนาเป็นลำดับอย่างไรบ้าง

                หลักฐานที่ปรากฏเกี่ยวกับการเกษตรกรรม เช่น การไถ เพาะปลูก  และเก็บเกี่ยวนั้น ชี้ให้เห็นว่า  มนุษย์เริ่มการเพาะปลูกเมื่อ 10,000 ปีที่แล้ว บริเวณแหล่งเพาะปลูกโบราณที่สำคัญในยุคต้น ได้แก่ ตอนเหนือของจีน แถบประเทศเม็กซิโก  และเปร(8)