บทที่ 6 สกุลโฮโม  >> หน้า 3


               ข. มนุษย์ปักกิ่ง ในกรณีการค้นพบซากกระดูกในจีนนั้น ผู้ที่มีส่วนสำคัญ ได้แก่ เดวิดสัน แบล็ค (Davidson Black) และฟรานซ์ ไวเดนริช (Franz Weidenreich) ในระหว่างปี คศ. 1928 - 1937

               โดยแท้จริงแล้ว การค้นหาหลักฐานในประเทศจีนได้กระทำกันตั้งแต่ปี คศ. 1911 เมื่อกันนาร์ แอนเดอร์สัน (J. Gunnar Andersson) นักธรณีวิทยาชาวสวีเดนได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลจีนเพื่อทำการสำรวจแหล่งถ่านหิน ในขณะที่เขาทำงานในฐานะที่ปรึกษาอยู่นั้นแอนเดอร์สันให้ความสนใจในเรื่องการวิวัฒนาการของมนุษย์ จึงพยายามหาหลักฐานตามแหล่งต่าง ๆ ที่เขาออกสำรวจอยู่เสมอ จนกระทั่งในปี คศ. 1921 เขาได้พบซากกระดูกที่หมู่บ้านโจวโข่วเตี้ยน ตั้งอยู่ห่างจากนครปักกิ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ราว 30 ไมล์ นอกจากนี้ เขายังพบกระดูกของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมากกว่า 20 ชนิด และฟันกราม 2 ซี่ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเป็นฟันของมนุษย์โบราณ แต่เขาก็ยุติการค้นหาต่อ

               การค้นพบฟันกรามของแอนเดอร์สันก่อให้เกิดความสนใจจากนักวิทยาศาสตร์ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อนายแพทย์เดวิดสัน แบล็คแห่งวิทยาลัยการแพทย์ กรุงปักกิ่ง จึงได้รวบรวมกลุ่มนักวิชาการหลายคนทำการค้นหาซากโฮมินิดอย่างจริงจังตั้งแต่ปี คศ. 1928 เป็นต้นมา นักวิจัยในกลุ่มนี้พบซากกระดูกจำนวนมาก เมื่อนำมาวิเคราะห์ในห้องทดลอง จึงได้ตั้งชื่อซากโฮมินิดนี้ว่า ซิแนนโธรปัส (Sinanthropus) หรือเรียกง่าย ๆ ว่า มนุษย์ปักกิ่ง ต่อมา ก็สรุปว่าซากฟันกรามและหัวกะโหลกที่ค้นพบจัดอยู่ในสปิซี่โฮโม อีเรคตัส

               อนึ่ง นายแพทย์ฟรานซ์ ไวเดนริช ชาวเยอรมันผู้ซึ่งเป็นอาจารย์วิชากายวิภาคศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยชิคาโกก็ได้ออกมาค้นหาบรรพบุรุษของมนุษย์ที่หมู่บ้านโจวโขว่เตี้ยนนี้เช่นเดียวกันในระหว่างนี้ คศ. 1935-1937 เขาได้พบหลักฐานที่สนับสนุนการมีชีวิตอยู่ของโฮโม อีเรคตัสมากมาย

2. ทวีปยุโรป : มนุษย์ไฮเดลเบอร์ก

               ศาสตราจารย์ออตโต้ ชูเทนแซค (Otto Schoetensack) แห่งมหาวิทยาลัยไฮเดลเบอร์กได้ศึกษากระดูกขากรรไกรล่างที่เจ้าของบ่อดูดทรายพบที่บ่อทรายของเขาส่งไปใช้ เมื่อวิเคราะห์อย่างละเอียดจึงตั้งชื่อว่า โฮโม ไฮเดลเบอร์เจนซิส (Homo heidelbergensis) หรือที่รู้จักกันในนาม มนุษย์ไฮเดลเบอร์ก ซึ่งจัดอยู่ในสปิชี่โฮโม อีเรคตัส