บทที่ 4 ความรู้พื้นฐานของสิ่งมีชีวิตและกฎของเมนเดล  >> หน้า 16


               ประเด็นสุดท้าย มีการนำความรู้ทางพันธุศาสตร์ไปใช้ในการอธิบายโรคบางชนิดที่สืบทอดทางพันธุกรรม เช่น โรคเลือดออกไม่หยุด (มีการศึกษาโรคนี้ในราชวงศ์อังกฤษนับตั้งแต่พระนาง วิคตอเรียลงมาหลายชั่วอายุคน)  และโรคโลหิตจาง เป็นต้น


พันธุศาสตร์กับการวิวัฒนาการ

            ความรู้ในเรื่องโครงสร้างทางชีวภาพในระดับเซลล์และโมเลกุล บวกกับกฎของเมนเดลในเรื่องกระบวนการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมีความสำคัญยิ่งต่อการศึกษาสาขามานุษยวิทยากายภาพในแง่ของการวิวัฒนาการของมนุษย์  ทำให้เราทำความเข้าใจเกี่ยวกับกลไกการวิวัฒนาการได้อย่างละเอียด

                ดังที่กล่าวแล้วว่า  คุณลักษณะทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดไปยังลูกหลานนั้นจะถูกส่งผ่านทางโมเลกุลดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอของเซลล์สืบพันธุ์  หากประชากรที่มีคุณลักษณะเดียวกันผสมพันธุ์กันภายใต้สถานการณ์ปกติ  ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในรุ่นลูก  ทั้งนี้เพราะความแตกต่างไม่เกิดขึ้นในโมเลกุลในขณะที่มีการปฏิสนธิ นั่นหมายความว่า แรงผลักที่จะก่อให้เกิดการวิวัฒนาการยังไม่ปรากฏ

                การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมี  "อุบัติเหตุ"  ในโครงสร้างโมเลกุลในขณะที่เกิดการปฏิสนธิ  หรือที่เรียกว่า  การผ่าเหล่าหรือมิวเทชั่น  โดยฐาน  (bases) ของโมเลกุลจะปะกบคู่ผิดพลาด แตกต่างไปจากเดิม   และจะก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนโปรตีน   ซึ่งจะทำให้รูปลักษณ์ของโมเลกุลใหม่เปลี่ยนไป  เมื่อยีนตัวที่แปรเปลี่ยน (mutated gene) นี้ถูกถ่ายทอดไปยังลูกหลานจะทำให้กลายเป็นเซลล์ที่มีคุณลักษณะใหม่   นั่นคือ เป็นการเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงและจะยังผลให้เกิดการวิวัฒนาการต่อไปในอนาคต   ซึ่งอาจใช้เวลานานนับเป็นสิบเป็นร้อย หรือเป็นล้านปีที่จะเกิดเป็นกลุ่มประชากรใหม่ขึ้น (ดูรายละเอียดในเรื่องหลักที่ก่อให้เกิดการวิวัฒนาการในบทที่ 3 ประกอบ)