บทที่3  หลักเกี่ยวกับการวิวัฒนาการ  >> หน้า 4


ซึ่งเป็นความพยายามของนักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดนชื่อ คาโรลัส ลินเน่ (Carolus Linnaeus) มีชีวิตอยู่ในระหว่างปี คศ. 1707 - 1773 ได้ทำการจัดจำแนกและจัดลำดับสิ่งมีชีวิตที่พบในทวีปยุโรปและที่นำมาจากทวีปอื่น ๆ จากนักเดินทางในยุคนั้น

          หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์ขึ้นครั้งแรกในปี คศ. 1758 เป็นผลงานหลักที่ทำให้ลินเน่มีชื่อเสียงมากเพราะเขาได้จำแนกพืชและสัตว์ออกเป็นกลุ่ม ๆ อย่างเป็นระบบและตั้งชื่อเรียกพืชและสัตว์ แต่ละประเภทตามสปิชี่ (species) ของมันด้วยการพิจารณาถึงโครงสร้างและหน้าที่ทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด ความสำเร็จของลินเน่ก่อให้เกิดคำกล่าวขวัญที่ว่า "พระเจ้าเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งขึ้นบนโลก ส่วนลินเน่เป็นผู้จัดจำแนกอย่างเป็นระบบ"(4)

          ดังนั้น งานของลินเน่จึงเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นงานที่จัดระบบโลกของพืชและโลกของสัตว์ได้อย่างดีเยี่ยม และทำให้คนในยุคนั้นมองสิ่งมีชีวิตว่า ทุกสิ่งทุกอย่างดำรงอยู่อย่างเป็นระบบ มิได้ตั้งอยู่อย่างสับสนปนเปกัน อนึ่ง หนังสือเล่มนี้เป็นการยืนยันและสนับสนุนคำกล่าวอ้างของอริสโตเติลที่ได้ให้แนวคิดเป็นเดียวกันนี้เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าลินเน่ยังได้ฝังใจและยึดถือตามทัศนคติที่ว่า "ระบบของสิ่งมีชีวิตเป็นสิ่งแน่นอนตายตัวตามที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างไว้ และระบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง" (fixed by creation and never change)

          อย่างไรก็ตาม ทรรศนะเกี่ยวกับความสถิตของสรรพสิ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากนักปรัชญาร่วมสมัยกับลินเน่จำนวนหลายคน คนสำคัญที่น่าจะนำมากล่าว ก็คือขุนนางชาวฝรั่งเศสชื่อ ยอร์จ หลุยส์ เลอเคลร์ (Georges Louis Leclerc) หรือที่รู้จักกันในนาม บุฟฟง (Buffon) ผู้ซึ่งมีชีวิตอยู่ในระหว่างปี คศ. 1707 - 1778 บุฟฟงและสมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มนี้ได้ตั้งสมมติฐานว่า (1) จักรวาลจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ (2) ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตที่มีโครงสร้างเหมือนกันจะสืบสายสัมพันธ์มาจากบรรพบุรุษเดียวกัน ซึ่งจากสมมติฐานดังกล่าว บุฟฟงจึงให้ความเห็นต่อไปอีกว่า "เป็นสิ่งที่มีความสำคัญยิ่งที่จะมองสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ว่าเป็นกระบวนการของระบบที่มีการเคลื่อนไหวอยู่เสมอ ทุกสิ่งหาได้มีโครงสร้างทางกายภาพที่แน่นอนตายตัว"