บทที่3  หลักเกี่ยวกับการวิวัฒนาการ  >> หน้า 2


          คนถัดมา คือ เฮราคลิตัส (Heraclitus) ได้ย้ำว่า "ทุกสิ่งบนโลกนี้สามารถเคลื่อนไหวได้" อันเป็นแนวทรรศนะใหม่ที่ตรงกันข้ามกับแนวคิดที่เชื่อกันว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะมีสภาพคงที่ - หยุดนิ่งไม่มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง ส่วนอริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ผู้มีชื่อเสียงได้อธิบายไว้ว่า "ได้มีการพัฒนาจากจุลินทรีย์มาเป็นพืช และในโลกนี้มีชุมชนของสรรพสิ่งอยู่ในธรรมชาติ" ซึ่งคำว่าชุมชนตามแนวคิดนี้หมายถึงการอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม มีการเกิด - แตกดับของมวลสิ่งมีชีวิตในโลก

          ในยุคอาณาจักรโรมัน มีนักปรัชญาเมธีชื่อ ลูเครติอุส (Lucretius) ซึ่งมีชีวิตอยู่ราว 99 ปีก่อนคริสต์ศักราชได้เขียนบทกลอนชิ้นหนึ่งชื่อ De Rerum Natura โดยกล่าวว่า "พืชจะเกิดก่อนสัตว์ สัตว์ที่มีอวัยวะของร่างกายที่อยู่ในขั้นสูงขึ้นจะมีการแยกกลุ่มตามเพศ ทั้งนี้เป็นผลมาจากการวิวัฒนาการจากสัตว์ชั้นต่ำกว่า และสภาวะธรรมชาติที่ผันแปรจะก่อให้เกิดสิ่งมีชีวิตชนิดแปลกใหม่ที่มีสภาพร่างกายที่เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมใหม่นั้น"

          จากบทกลอนนี้ อาจถึอได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญต่อวงการวิทยาศาสตร์ในยุคต่อมาโดยนำแนวความคิดของลูเครติอุสมาขบคิดกันในหมู่นักปราชญ์ และร่วมกันแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติการกำเนิดของสิ่งมีชีวิต อย่างไรก็ตาม การศึกษาค้นคว้าของนักวิชาการชาวตะวันตกได้หยุดชะงักลงภายหลังที่คริสต์ศาสนาได้แพร่หลายไปทั่วทวีปยุโรป ทั้งนี้เพราะคำภีร์ไบเบิลมีคำสอนที่สวนทางกับแนวทรรศนะดังกล่าวแล้วข้างต้น ซึ่งคำภีร์ไบเบิลกล่าวว่า สรรพสิ่งในโลกและมนุษย์เป็นสิ่งที่พระเจ้าเป็นผู้สร้าง และผู้นำของศาสนาคริสต์ยังได้ห้ามมิให้ผู้ใดเสนอแนวคิดที่ผิดแปลกไปจากพระคำภีร์ ดังนั้น ในยุคกลางของยุโรปจึงเป็นยุคที่ความเจริญทางวิทยาศาสตร์หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว เพราะผู้คนต้องยอมรับและกระทำตามคำอธิบายของศาสนาในเรื่องการกำเนิดของสิ่งมีชีวิตและมนุษยชาติทั้งมวล(1)

          ดังนั้น ในยุคนี้คำตอบที่ได้รับจากศาสนาและนิยายปรัมปราที่คนในแต่ละสังคมแต่งขึ้นกลายเป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับกันอย่างแน่นแฟ้น ตัวอย่างเช่น เซนต์ ออกัสติน (คศ. 354 - 430) ได้อธิบายว่า "มนุษย์ทุกชีวิตในโลกสืบสายตระกูลมาจากอาดัมและอีวา ซึ่งเป็นบรรพบุรุษคู่แรกที่พระเจ้าสร้างขึ้นเมื่อราว 6,000 ปีมาแล้ว(2) ส่วนในทางซีกโลกตะวันออกชาวเขาเผ่าเย้าที่อาศัยอยู่บนเทือกเขาแถบเอเชียอาร์คเนย์ก็มีความเชื่อว่า "แต่เดิมมีเทวดาชื่อ เปี้ยนโกฮูงเป็นผู้สร้างโลกและมนุษย์ผู้ชายผู้หญิงขึ้น รวมทั้งอนุญาตให้สมสู่เป็นสามีภรรยากันได้