ในการศึกษาเรื่องลำดับขั้นและสายใยแห่งวิวัฒนาการของสัตว์ตระกูลไพรเมตนั้นจำเป็นที่จะต้องอาศัยหลักฐานเพื่อการพิสูจน์
ทั้งนี้เนื่องจากไพรเมตอุบัติขึ้นครั้งแรกในโลกเมื่อราว
65 ล้านปีมาแล้ว ดังนั้น
หลักฐานดังกล่าวจำเป็นต้องขุดค้นหาซากที่หลงเหลือทับถมใต้ชั้นดินชั้นหินเพื่อนำมาพิสูจน์วิเคราะห์
ในขณะเดียวกัน
ก็ศึกษาลักษณะทางชีวภาพของไพรเมตที่มีชีวิตในยุคปัจจุบัน
แล้วนำมาเปรียบเทียบดูว่าโครงสร้างทางด้านร่างกาย
(biological structure)
มีความคล้ายคลึงหรือแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด
นอกจากนี้ยังพยายามวิเคราะห์ถึงรูปแบบการแสดงพฤติกรรมจากโครงสร้างของร่างกายนั้นด้วย
การศึกษาโครงสร้างทางร่างกายระหว่างมนุษย์กับไพรเมตประเภทอื่นนั้น
จะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างในด้านปริมาณ
กล่าวคือ
มนุษย์มีปริมาตรของมันสมองมากกว่าลิงทาร์เซียและอุรังอุตัง
ในทางตรงกันข้าม
มนุษย์มีความแข็งแกร่งของกระดูกขากรรไกรและกระดูกขาน้อยกว่าพวกวานรและสัตว์อื่น
อนึ่ง
แม้ว่ามนุษย์จะเป็นสัตว์สองเท้า
(bipedal) ดังเช่น นก และวานร
แต่มนุษย์ก็มีโครงสร้างของโครงกระดูกที่สามารถยืนตัวตั้งตรง
โดยใช้เท้าทั้งสองข้างในการพยุงร่างกาย
ในขณะที่มือจะมีอิสระและทำหน้าที่อย่างอื่น
เช่น หยิบจับสิ่งของ
แทนที่จะใช้เป็นส่วนเสริมในการเดินเหิรดังเช่นลิงทั้งหลาย
นอกจากนี้
อวัยวะทุกส่วนของร่ายกายมนุษย์จะทำงานอย่างอิสระ
มีการประสานงานกันตามคำสั่งของสมองที่อยู่ส่วนกลาง
ซึ่งสมองนี้ทำหน้าที่นึกคิดในแง่ที่เป็นนามธรรมได้
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า
คุณลักษณะเหล่านี้มีผลให้มนุษย์มีพลังอำนาจและมีเอกลักษณ์เฉพาะเหนือสัตว์อื่นใด
อันอาจกล่าวได้ว่า
นี่เป็นความแตกต่างในเชิงคุณภาพ
ในแง่ของการศึกษาเกี่ยวกับการแสดงออกทางด้านพฤติกรรมนั้นเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับการศึกษาโครงสร้างของร่างกายของไพรเมตแต่ละประเภท
การศึกษาในส่วนนี้จะทำให้เราเข้าใจถึงสาเหตุว่าทำไมมนุษย์จึงไม่สามารถใช้เท้าในการหยิบฉวยสิ่งของ
หรือใช้ห้อยโหนบนต้นไม้ได้เหมือนกับลิง
หรือทำไมลิงจึงไม่อาจยืนตัวตรงได้นาน
ๆ เหมือนกับมนุษย์ ดังนั้น
จะเห็นได้ว่า
พฤติกรรมของสัตว์ในสกุลไพรเมตแต่ละประเภทจะมีส่วนสัมพันธ์โดยตรงกับโครงสร้างทางร่างกายของไพรเมตประเภทนั้น
ๆ
|