ภาคผนวก วิธีวิทยาการวิจัยเชิงมานุษยวิทยา>> หน้า 28

 

                ด้วยสาเหตุเรื่องการแต่งงานนี้เอง ที่เป็นจุดเริ่มต้นโดยครอบครัวของฝ่ายชายที่จะเฝ้าดูว่าผู้หญิงคนไหนที่ขยันทำงานบ้าน ดังนั้น เด็กหญิงจึงประสบกับแรงกดดัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างขนบธรรมเนียมเดิมที่ยังหลงเหลืออยู่จากโลกแห่งวัฒนธรรมเขมร กับสภาพความเป็นจริงที่ปฏิบัติกันในสหรัฐอเมริกา เช่น หากเด็กหนุ่มสาวไปเที่ยวกันตามลำพังก็จะถูกคนในชุมชนซุบซิบนินทาว่าแอบไปมีสัมพันธ์เชิงชู้สาว ผลที่ตามมาก็คือ การเสียชื่อเสียงและสูญเสียหน้าของครอบครัวไป เด็กสาวที่ถูกนินทาก็จะเกิดปัญหายุ่งยากในการหาคู่แต่งงาน ทำให้ค่าสินสอดลดต่ำลงหรือไม่ได้รับค่าสินสอดเลย การเสียหน้าจึงเป็นการสูญเสียสัญลักษณ์ทางต้นทุน (symbolic capital) ไป

                พฤติกรรมของเด็กสาวชาวเขมรในสหรัฐฯ จึงเป็นที่มาของความตึงเครียดด้วยการถูกเพ่งเล็งว่าเธอจะเป็นคนดีของสังคมหรือไม่ ในขณะที่เหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับเด็กหนุ่ม

                พ่อแม่ชาวเขมรจะลงโทษลูกด้วยการเฆียนตีหากประพฤติผิด แต่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ศาลของสหรัฐฯ จะปกป้องการลงโทษเด็กด้วยวิธีการรุนแรง สิ่งนี้ทำให้พ่อแม่ชาวเขมรเชื่อว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กประพฤติผิดมากขึ้น

                เด็กสาวชาวเขมรในสหรัฐฯ  มีแนวโน้มแต่งงานในขณะที่มีอายุต่ำกว่าผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในประเทศกัมพูชา ทั้งนี้เป็นเพราะการซุบซิบนินทาถึงพฤติกรรมที่ไม่ดีของเด็กสาว เป็นเหตุให้พ่อแม่รีบจับลูกแต่งงานก่อนที่การเสียหน้าเสียชื่อเสียงจะเกิดขึ้น

                จากข้อมูลเกี่ยวกับชีวประวัติ (life-historical) และวัฒนธรรมทางชาติพันธุ์วรรณา (ethnographic) นี้เองที่ชี้ให้เห็นว่าเด็กผู้หญิงชาวเขมรในสหรัฐฯ จำนวนมากที่ออกจากโรงเรียนก่อนจบการศึกษา บทบาทของวัฒนธรรมและสถาบันครอบครัวมีความสัมพันธ์โดยตรงกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของชาวเขมร อีกทั้งสภาพนิเวศทางวัฒนธรรม (culturally ecological) ก็เป็นตัวกำหนดรูปแบบทัศนคติเกี่ยวกับการศึกษาของชาวเขมรด้วย

                อย่างไรก็ตาม ในบริบทของสังคมสหรัฐอเมริกา มีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการสร้างค่านิยมใหม่แก่ชาวเขมร และจะยังผลให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบวิถีชีวิตและความประพฤติของผู้อพยพกลุ่มนี้อีกด้วย แม้ว่าอาจต้องใช้เวลาบ้างก็ตาม

                บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายงานการวิจัยทั้งหมด