2.
ขั้นที่สอง
เป็นระยะที่ทารกสามารถจำและแยกแยะได้ว่าใครคือมารดาของตน
และใครคือคนอื่น
ทารกจะสามารถรับรู้ถึงความแตกต่างระหว่างการเลี้ยงดู
ความรัก
และการให้คุณให้โทษ
ซึ่งเป็นวิธีการเริ่มหัดให้เด็กกระทำในสิ่งที่ถูกที่ควรตามวัฒนธรรมที่มีอยู่ในสังคมนั้น
3.
ขั้นที่สาม
เป็นขั้นที่เด็กเริ่มเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างเพศสัมพันธ์
ชีวิตเด็กเริ่มขยายวงจากสังคมภายในครอบครัวออกไปนอกบ้าน
เด็กจะสามารถเห็นความแตกต่างในบทบาทของบิดามารดาพี่น้อง
และรู้จักความรัก
ทนุถนอมจากเพศตรงข้าม
ในระยะนี้เด็กชายจะแสดงอัตลักษณ์ของการเป็นผู้ชาย
และเด็กหญิงจะแสดงอัตลักษณ์ของผู้หญิง
4.
ขั้นที่สี่
เป็นระยะที่เด็กโตจนถึงขนาดที่เรียกว่าวัยรุ่น
ในระยะนี้เด็กต้องการความอิสระและได้เรียนรู้ประสบการณ์พบเห็นความสลับซับซ้อนของสังคมมากขึ้น
เด็กจะออกไปสู่โลกกว้างเริ่มพบเห็นโลกจริง
ๆ
และเป็นระยะที่เด็กมีปัญหาว้าวุ่นมาก
พฤติกรรมของเด็กในระยะนี้
ถ้าขาดการอบรมสั่งสอนที่ดี
จะเป็นบ่อเกิดของพฤติกรรมที่ขัดต่อข้อบังคับของสังคมได้ง่าย
5.
ขั้นที่ห้า
เป็นตอนที่ทุกคนเป็นผู้ใหญ่
มีความเจริญทั้งทางกายและจิตใจ
มีความรู้สึกนึกคิดเป็นผู้ใหญ่สมบูรณ์
และเป็นสมาชิกของสังคมได้อย่างเต็มภาคภูมิ
อย่างไรก็ตาม
ในระยะที่บุคคลมีความเจริญบรรลุภาวะสุกถึงขีด
บุคคลก็ยังจะต้องผ่านกระบวนการสังคมกรณ์อยู่ตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่
Marginal
man
:
คนชายขอบ -
บุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเต็มบทบาทในกลุ่มสังคมใดสังคมหนึ่ง
เป็นผู้ที่เข้ากลุ่มสังคมนั้นได้ไม่สนิท
Minority
group
:
ชนกลุ่มน้อย -
กลุ่มคนซึ่งกำหนดโดยขนาดหรือส่วนของประชากรว่ามีจำนวนน้อยกว่าประชากรส่วนใหญ่
กล่าวคือเป็นกลุ่มย่อย
ซึ่งมีแบบอย่างวัฒนธรรมย่อยอยู่ภายในสังคมใหญ่
ชนกลุ่มน้อยในสังคมต่าง ๆ
มีเอกลักษณ์หรือพันธะผูกพันกันด้วยเชื้อชาติ
(ชาติพันธุ์) สัญชาติ ศาสนา
หรือลักษณะอื่น ๆ
ทางวัฒนธรรมที่เห็นได้ชัดเจนว่าต่างไปจากชนส่วนใหญ่ของสังคม
ในสังคมที่มีปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเชื้อชาติพบว่า
ชนกลุ่มน้อยตกอยู่ในฐานะที่ถูกเดียดฉันท์
และได้รับการปฏิบัติไม่เท่าเทียมกับคนกลุ่มใหญ่
|