ศาสนายังให้คำตอบแก่คนในสิ่งที่เขาเข้าใจได้ยาก
เช่น อะไรทำให้เกิดโชคร้าย
ความเจ็บป่วย และการตาย
เช่น
เมื่อชาวออสเตรเลียพื้นเมืองถูกถามว่า
"คนเรามีชีวิตอยู่ได้อย่างไร"
เขาก็จะใช้นิยายที่ศักดิ์สิทธิ์ตอบว่า
ภูติผีที่ชื่อ Numbakulla
ได้สร้างและแยกมนุษย์ออกจากสัตว์และพืช
และเมื่อเด็กชาวเกาะซามัวในมหาสมุทรปาซิฟิกถามว่า
"เกาะต่าง ๆ นี้มาจากไหน"
ผู้เป็นมารดาก็จะตอบโดยใช้นิยายพื้นบ้านเล่าว่าเทพเจ้าชื่อTagaloa
ได้สร้างและทำเกาะแก่งต่าง
ๆ ขึ้นมา
ศาสนายังได้กำหนดแบบแผนของพฤติกรรมในแต่ละช่วงของชีวิต
(rites de passage) เช่น พิธีการเกิด
พิธีบวช พิธีแต่งงาน
และพิธีเกี่ยวกับการตาย
รวมทั้งได้ให้พลังใจแก่นักรบที่จะไปสู่สนามรบ
นอกจากนี้ยังได้กำหนดข้อห้ามหลายอย่าง
เช่น
ข้อห้ามผู้หญิงเข้าไปในพระอุโบสถ์
ห้ามรับประทานอาหารบางชนิดที่เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อทางศาสนา
เป็นต้น
ศาสนากับวิธีการศึกษา
ศาสนาเป็นหัวข้อที่มีขอบเขตการศึกษาที่กว้างขวางมาก
จึงยากที่จะเข้าใจพฤติกรรมทางศาสนาได้ทั้งหมด
ทั้งนี้เพราะศาสนาเป็นระบบความเชื่อของคน
และระบบความเชื่อดังกล่าวย่อมแตกต่างกันไปตามแต่ละสังคม
รวมทั้งรูปแบบประเพณีของแต่ละลัทธิก็แตกต่างกันด้วย
ดังนั้น
จึงมีผู้ศึกษาศาสนาโดยมองถึงรูปแบบที่คนนับถือ
เช่น
พิธีกรรมและประเพณีเกี่ยวกับชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายของคน
ประเพณีและพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเพาะปลูก
เช่น การขอฝน
และวิธีการบำเพ็ญทุกขกริยา
เช่น
การนั่งบนแผ่นกระดานที่ตอกตะปู
ใช้เหล็กแทงทะลุจมูกหรือปาก
ฯลฯ
ในขณะที่บางพวกศึกษาศาสนาในแง่ที่ว่า
ศาสนาเป็นเครื่องมือที่จะใช้ในการสร้างแรงบันดาลใจให้คนก้าวไปสู่ความสำเร็จในกิจกรรมทางการเมืองและเศรษฐกิจของคน
เช่น
การบำเพ็ญเป็นผู้ทรงศีล
ทำให้คนอื่นเลื่อมใสและนำเอาข้าวของมาถวาย
อนึ่ง
ในบางสังคมพ่อมดหรือหมอผีมีอำนาจในให้รางวัลหรือบางครั้งตัดสินลงโทษคนที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือสามารถขับคนให้ออกจากสังคมได้
ในสมัยกลางที่สันตปาปาที่กรุงโรมมีอำนาจ
ท่านทรงมีสิทธิพิเศษที่จะให้หรือไม่ให้สิทธิในการปกครองบ้านเมืองแก่กษัตริย์ต่าง
ๆ ในยุโรปได้
|