บทที่13   ความเชื่อ ศาสนาและการควบคุมทางสังคม  >> หน้า 5


                ขวัญเหล่านี้ชอบออกไปจากร่างกายคนเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย ได้รับภัยอันตราย เลือดตกยางออกหรือตกอกตกใจ ขวัญจะออกจากร่างไป ขวัญนี้ไม่มีใครทราบว่ามีลักษณะอย่างไร ท่านเสฐียรโกเศศกล่าวไว้ในหนังสือประเพณีเบ็ดเตล็ดว่า ขวัญนี้คงมีรูปร่างแบน จึงมีคำพูดว่าขวัญบิน ถ้าเป็นคนยังมีชีวิตอยู่ สิ่งนี้เราเรียกว่าขวัญ แต่ถ้าคนตายไปแล้วร่างกายเน่าเปื่อยสูญสิ้นไป แต่สิ่งที่เรียกว่าขวัญนี้หาได้ตายไปด้วยไม่ แต่กลายสภาพเป็นวิญญาณ เย้าเรียกว่า ผี หรือ เมี้ยน วิญญาณหรือผีเมื่อไม่มีร่างกายอาศัยก็จะล่องลอยไปโดยที่เราไม่สามารถมองเห็นรูปร่าง ไม่มีใครเคยเห็นหรืออธิบายได้ ท่านเสฐียรโกเศศกล่าวว่าวิญญาณนี้มีรูปร่างเหมือนอย่างคนแต่แบบบางโปร่งมากเห็นได้แต่เงา ๆ เป็นคล้ายลม ในภาษาสันสกฤตเรียกว่า อาตมัน เดิมแปลว่าลมหายใจหรือความรู้สึก เมื่อวิญญาณยังไม่มีโอกาสมาเกิดเป็นรูปร่างเป็นคนอีกก็เป็นผีไปก่อน ไม่มีรูปร่างแต่จะมีรูปร่างต่าง ๆ กันไปตามแต่จะบันดาลให้เราเห็น เมื่อขวัญออกจากร่างไป ผีร้ายทั้งหลายชอบเข้ามาสิงสู่อยู่แทนที่ และทำให้เกิดเจ็บป่วย การรักษาจำเป็นต้องมีหมอผีมาทำพิธีอัญเชิญผีใหญ่และผีบรรพบุรุษมาขับไล่ผีร้ายให้ออกจากร่างกายและตามหาขวัญกลับมา ถ้าหมอผีแสดงให้เห็นว่าขวัญกลับมาแล้ว ก็เป็นอันเบาใจได้ว่า คนป่วยนั้นมีทางรักษาเยียวยาให้หายได้ แต่ถ้าขวัญไม่กลับมาก็เป็นอันว่าหมดหวัง ต่อจากหมอผีทำพิธีเชิญขวัญหรือที่เย้าเรียกว่าดาวว่วน (ฮ้องขวัญ) กลับมาแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของการเยียวยา โดยอาจใช้ยากลางบ้านหรือใช้ยาแผนใหม่ก็ได้ การทำพิธีของหมอผีจึงยังเป็นเสมือนสิ่งจำเป็นอยู่สำหรับสังคมเย้า ผู้ไม่รู้อาจมองการทำพิธีของหมอผีนี้ว่าเป็นเรื่องไร้สาระ  แต่เราควรระลึกไว้อีกอย่างหนึ่งว่าหมอผีหาได้ทำพิธีเพื่อการรักษาเยียวยาคนป่วยไม่ แต่เป็นการทำพิธีเพื่อเชิญขวัญกลับมาต่างหาก พิธีนี้นับเป็นพิธีใหญ่พิธีหนึ่ง เนื่องจากเย้ามักจะประกอบพิธีในยามเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นส่วนใหญ่ เพื่อขอให้ผีช่วยป้องกันรักษาการเจ็บป่วยนั้น ๆ เป็นการร้องขอให้ตนเองปราศจากโรคภัยไข้เจ็บและประสบแต่โชคดี