บทที่11  ครอบครัวและเครือญาติ  >> หน้า 10


                ชาวเกาะนิวกินีพวกหนึ่งมีพิธีแต่งงาน คือ ในวันไปรับตัวเจ้าสาว เจ้าบ่าวจะพาพวกไปด้วยกันหลายคน พอไปถึงบ้านเจ้าสาว ก็ทำเป็นทีว่าไปปล้นส่งเสียงเอ็ดอึง ตีอะไรต่ออะไรให้อึกทึกกึกก้อง ตอนนี้เจ้าสาวจะต้องวิ่งหนีออกจากเรือนให้เร็วที่สุด พวกเจ้าบ่าวต้องคอยระวังไว้ให้ดี พอเห็นเจ้าสาววิ่งหนีออกจากเรือนก็ไล่กวดจับตัวทันที ถ้าจับได้เจ้าสาวจะต้องดิ้นให้เต็มที่ ใช้วิธีข่วนกัดสะบัดสะบิ้งให้มากที่สุด ฝ่ายพวกเจ้าสาวทำเป็นเข้ามาช่วยเกิดตีกันชุลมุนวุ่นวาย ระหว่างนี้มารดาเจ้าสาวคว้าได้ไม้พลองหรือไม้อะไรก็ได้แร่เข้ามาตีเปะปะไม่เลือกว่าใคร ปากก็ตะโกนโพนทนาด่าพวกเจ้าบ่าวที่บังอาจมาฉุดคร่าลูกสาวของตนไป สักครู่หนึ่งทำเป็นลมจับล้มแผ่ลงแสดงว่าเสียใจเหลือเกินที่ต้องเสียลูกสาวไป พวกผู้หญิงคนอื่นในบ้านก็พากันร้องไห้เอ็ดอึง

                ชาวอินเดียนแดงพวกหนึ่ง มีพิธีให้เจ้าสาวนั่งอยู่ในกลางวงซึ่งเขียนไว้ แล้วให้มีหญิงเพื่อนเจ้าสาวหลายคนนั่งล้อม ฝ่ายเจ้าบ่าวจะต้องกราดเข้าไปฉุดเจ้าสาวที่กลางวงเอาดื้อ ๆ ฉุดได้แล้วเอาขึ้นบ่าแบกหนีออกไปให้เร็ว เพื่อไปเข้าวงพิธีของเจ้าบ่าวซึ่งเขียนไว้อีกวงหนึ่ง ถ้า สามารถแบกเจ้าสาวเข้าไปในวงของตนได้ ก็เป็นอันว่าใครจะเข้ามาแย่งไม่ได้ หญิงนั้นก็ตกเป็นสิทธิของตน ในตอนที่เจ้าบ่าวกำลังแบกเจ้าสาวพยายามจะพาเข้าวงของตน บิดามารดาของเจ้าสาวจะทำเป็นเอาไม้ไล่ตีเจ้าบ่าวพอเป็นพิธี

 

2.  เขยขวัญสะใภ้แก้ว

                ในสังคมเกษตรกรรม มีความต้องการทางด้านแรงงานมาก ฝ่ายชายที่ไม่มีกำลังทุนทรัพย์เป็นเงินทองพอที่จะให้เป็นสินสอดได้ ก็ยอมเอาแรงของตนเข้าแทนเงิน รับใช้การงานให้แก่บิดามารดาของฝ่ายหญิงโดยมีกำหนดเวลาแล้วแต่จะตกลงกัน ประเทศไทยแถวอีสาน ฝ่ายชายจะต้องทำงานให้แก่ครอบครัวของฝ่ายหญิงนานเป็นเวลา 3 เดือนถึง 1 ปี ก่อนที่พิธีสมรสจะเริ่มขึ้น เมื่ออยู่รับใช้งานในบ้านของฝ่ายหญิงก็มีโอกาสคุ้นเคยกับผู้หญิง เท่ากับเป็นการทดลองดูว่ามีความรักใคร่กันจริงหรือไม่ ทางปักษ์ใต้เมื่อทำพิธีหมั้นกันแล้ว ฝ่ายชายจะต้องไปรับใช้ผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงจนกว่าจะถึงกำหนดวันแต่งงาน ถ้าบ้านใกล้กัน เช้าไปเย็นกลับ ไกลกันก็ต้องไปอยู่ประจำ ฝ่ายเจ้าสาวเป็นผู้เลี้ยงดู ส่วนประเพณีของชาวเขมรเจ้าบ่าวจะต้องไปอยู่รับใช้ที่บ้านพ่อของฝ่ายหญิง เรียกว่า "เชวอบำเรอ" แปลว่า "รับใช้การงาน"