ดังนั้น ในระยะต่อมา
ได้มีผู้ที่เสนอความคิดเห็นเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขข้อจำกัดดังกล่าว
เช่น ศาสตราจารย์ชไนเดอร์
ได้จำแนกสิ่งของออกเป็น 2
ประเภท คือ
สิ่งที่เป็นวัตถุ ได้แก่
ข้าว อาหาร สิ่งของ
และสิ่งที่เป็นทรัพย์ทางสังคม
เช่น สถานภาพ ความรัก ฯลฯ
ชไนเดอร์กล่าวว่า
การแลกเปลี่ยนหมายถึงการให้และรับสิ่งที่มีคุณค่าทั้งทางวัตถุและสังคม
ผู้ที่แลกเปลี่ยนมักประสงค์ที่จะได้รับผลประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนนั้นสูงสุดโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างต้นทุนและผลกำไรจากกิจกรรมนั้น
ๆ ด้วย(7)
การใช้เงินตรา
เนื่องจากมีความจำเป็นในเรื่องการกระจายผลผลิตของคนในสังคมดั้งเดิม
ทำให้คนสร้างรูปแบบการแลกเปลี่ยนชนิดต่าง
ๆ
ดังเช่นที่กล่าวแล้วในหัวข้อข้างต้นและยังมีรูปแบบอื่นอีกที่นักมานุษยวิทยาได้ค้นพบ
ผู้ที่สนใจอาจหาอ่านได้จากรายงานการวิจัยเกี่ยวกับชาติพันธุ์วิทยาทั่วไป
ในกาลต่อมา ได้มีการสันนิษฐานว่า
กิจกรรมการแลกเปลี่ยนได้แปลงรูปมาเป็นการกระทำที่
"เป็นทางการ" (formal transaction)
และลดการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวและพิธีกรรมที่เกี่ยวกับกิจกรรมทางด้านนี้ลง
ในระบบเศรษฐกิจแบบใหม่นี้ได้ปรากฏเป็นรูปกิจกรรมเชิงการค้า
(commercial transaction)
ซึ่งเข้ามามีส่วนสัมพันธ์กับชีวิตระหว่างคนในสังคมเดียวกันและระหว่างชุมชนมากยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้
การใช้เงินตราจึงมีความจำเป็นและได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของคนในสังคมปัจจุบันชไนเดอร์กล่าวว่า
ไม่มีใครรู้แน่นอนว่าคนในสังคมรู้จักใช้เงินตราขึ้นเมื่อไหร่และหลักฐานที่นักมานุษยวิทยาค้นพบก็ปรากฏว่าสังคมดั้งเดิมจำนวนมากก็มีการใช้เงินตราเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเช่นกัน
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องพยายามค้นหาคำตอบนี้ แต่คำถามที่จะใช้เป็นแนวทางในการอธิบายในหัวข้อนี้ได้แก่
เงินตราคืออะไรและมีหน้าที่ประโยชน์อย่างไรในกิจกรรมการแลกเปลี่ยนของคนในสังคม
ตลอดจนมีความแตกต่างกันอย่างไรระหว่างการใช้เงินตราในสังคมดั้งเดิมกับสังคมปัจจุบัน
|