สภาพนิเวศ ระบบเศรษฐกิจ
และเทคโนโลยีมีความเกี่ยวกันกันอย่างใกล้ชิด
และมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของคนว่าจะทำมาหากินในอาชีพอะไร
ดังนั้น
หน้าที่ของนักมานุษยวิทยา
ก็คือ
การออกไปบันทึกและวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของปัจจัยทั้งสาม
โดยพยายามตอบคำถามว่า
เทคโนโลยีพื้นบ้านที่สั่งสมกันมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษมีลักษณะอย่างไรที่ทำให้สังคมนั้น
ๆ สามารถ
ธำรงอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้
และเปรียบเทียบกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่
เช่น ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง
ฮอร์โมนเร่งผลผลิต
และเครื่องจักรกล
ซึ่งมักก่อให้เกิดการทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างใหญ่หลวงและกลายเป็นปัญหาของโลกในปัจจุบัน
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของภาวะวิกฤตทางด้านนิเวศที่เกิดขึ้นตามแถบเส้นศูนย์สูตรในเรื่องการเกษตรนั้น
เป็นเพราะบริเวณแถบนี้ของโลกเป็นเขตร้อนและมีหน้าดินบาง
คิดถัวเฉลี่ยไม่เกิน 2 ฟุต
หน้าดินเหล่านี้เป็นดินร่วนที่เกิดจากการทับถมของสารอินทรีย์
ซากกิ่งไม้ใบหญ้า
และสิ่งมีชีวิตเน่าเปื่อยเป็นระยะเวลานานนับร้อยนับพันปี
หน้าดินเหล่านี้เป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดเพราะเป็นแหล่งรวมของแร่ธาตุ
น้ำและสารอาหารที่พืชต้องการ
ชาวเอเชียต่างมีความผูกพันอย่างแน่นแฟ้นกับแผ่นดิน
ซึ่งมีวัฒนธรรมการเพาะปลูกมาแล้วกว่า
9,000 ปี
โดยถือได้ว่าเป็นแบบฉบับของการปรับแต่งระบบนิเวศจากธรรมชาติมาเป็นระบบที่คนใช้เป็นที่ทำกินที่ยั่งยืนมานานแสนนาน
ชาวเอเชียได้สร้างความสัมพันธ์แบบสมานฉันท์กับที่ทำกินของพวกเขา
กล่าวคือ
เมื่อคนได้รับประโยชน์จากการใช้ที่ดินแล้ว
ก็จะทำการปรับปรุงดินให้ดีขึ้นเพื่อมิให้ถูกทำลายได้โดยง่าย
จะไม่มีการจงใจทำลายล้างหน้าดินเพื่อผลประโยชน์ในระยะสั้น
รวมทั้งปล่อยให้ดินพักฟื้นตัวเป็นระยะเวลาหนึ่งนานพอที่จะให้ความอุดมสมบูรณ์กลับคืนก่อนที่จะเพาะปลูกในฤดูกาลใหม่
ความสมานฉันท์ดังกล่าวได้ปรากฏออกมาในรูปของการเพาะปลูกพืชหมุนเวียน
และปลูกพืชหลาย ๆ
ชนิดบนบริเวณเนื้อที่เดียวกัน
การปลูกพืชหมุนเวียนและการทำคันนากั้นน้ำตามเทือกสวนไร่นาเพื่อกันการชะล้างหน้าดิน
อีกทั้งใช้ผานไม้ในการไถนาเป็นวิธีการหนึ่งในหลาย
ๆ
วิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย(14)
การปฏิวัติทางการเกษตร
(green revolution) เพื่อเพิ่มผลผลิต
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกพืชชนิดเดียวบนพื้นที่สุดลูกหูลูกตา
เช่น ไร่สับปะรด
มันสำปะหลัง อ้อย ฯลฯ
การใช้ปุ๋ยเคมีและสารฆ่าแมลง
ทำให้ดินเสื่อมเร็วและเกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม
ด้วยเหตุ์
นักมานุษยวิทยาต่างให้ความสนใจกับระบบเศรษฐกิจ
และการทำมาหากินของคนในแต่ละสังคม
และสังคมแต่ละประเภทเพื่อเรียนรู้ว่า
ในขณะที่ทำการศึกษาอยู่นั้น
แบบแผนการทำมาหากินของสมาชิกสังคมเป็นอย่างไร
คำถามที่มักจะใช้ในการตอบคำถามเกี่ยวกับวัฒนธรรมทางนี้
ความรู้ที่นักมานุษยวิทยาได้รับจากการรักษาแบบแผนการใช้ที่ดินและการเพาะปลูกแบบพื้นบ้าน
ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเก่าแก่ได้รับการพัฒนามานานนับหลายร้อยหลายพันปีที่ทำให้ดินคงสภาพความสมบูรณ์แบบยั่งยืน
แม้จะให้ผลผลิตไม่สูงนักก็ตาม
จึงเป็นประเด็นสำคัญต่อการพัฒนาการเกษตรในยุคปัจจุบันและอนาคต