การวิวัฒนาการในระดับสปิชี่
(Evolution
at the Species Level)
ภายใต้เงื่อนไขของสภาพทางธรรมชาตินั้น
สัตว์ที่อยู่ในสปิชี่เดียวกัน
(หรือพันธุ์เดียวกัน)
เท่านั้นจึงจะสามารถทำการผสมพันธุ์เพื่อให้เกิดมีลูกหลานขึ้นได้
อาทิเช่น ม้ากับม้า
กบกับกบ
ลิงอุรังอุตังกับลิงอุรังอุตัง
และคนกับคน
สัตว์ที่อยู่ต่างสปิชี่กันไม่อาจผสมพันธุ์ภายใต้สภาวะของธรรมชาติและผลิตลูกหลานออกมาได้
เว้นเสียแต่ว่า
จะเป็นการผสมข้ามเผ่าพันธุ์ที่เกิดจากความพยายามของมนุษย์
ดังเช่น ม้ากับลา
เป็นต้น สปิชื่หนึ่ง ๆ
จะแยกย่อยออกไป
ซึ่งเรียกว่ากลุ่มประชากรแต่ละกลุ่ม
และสมาชิกของกลุ่มประชากรแต่ละกลุ่มนี้สามารถผสมพันธุ์กันได้
เช่น
คนผิวขาวกับคนผิวดำ
ในกรณีที่การสืบพันธุ์ตกอยู่ภายใต้หลักหรือเงื่อนไขของการผ่าเหล่า
การย้ายถิ่นของยีน
โอกาสการจับคู่การจัดระเบียบใหม่ภายในโครงสร้างของยีน
และการเลือกสรรทางธรรมชาติ
รวมทั้งเงื่อนไขเหล่านี้ได้กระทำติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
สปิชี่นั้นก็จะวิวัฒนาการกลายเป็นสปิชี่ใหม่
การเปลี่ยนแปลงในแง่การวิวัฒนาการนี้จะค่อยเป็นไปทีละเล็กทีละน้อย
โดยเริ่มจากความแตกต่างในความถี่ของยีน
และจะนำไปสู่ความแตกต่างทางรูปลักษณ์ภายนอกอย่างถาวรในกาลต่อมา
ซึ่งเมื่อถึงขั้นนั้นแล้วการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างสปิชี่เก่ากับสปิชี่ใหม่ไม่อาจกระทำได้อีกต่อไป
ลักษณะดังนี้เราเรียกว่า
การแยกออกเป็นพันธุ์ใหม่
(speciation) โดยโครงสร้างสรีรภาพของสปิชี่ใหม่จะแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด
ในบางกรณี
การกำเนิดเป็นพันธุ์ใหม่อาจเป็นอันตรายแก่สปิชี่เดิมนั้นได้
เพราะสปิชี่เก่าอาจไม่สามารถมีชีวิตรอดภายใต้สภาพแวดล้อมใหม่ได้
จึงต้องสูญสลายไปจากโลก
ดังตัวอย่างกรณีของไดโนเสา
หรือกรณีของสัตว์น้ำบางประเภทที่สูญพันธุ์ไปเมื่อสังคมกลายเป็นสังคมอุตสาหกรรมเพราะทิ้งสิ่งเน่าเสียลงในแม่น้ำลำคลองเป็นระยะเวลายาวนาน
ผลสุดท้าย สปิชี่ใหม่ที่สามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่
ๆ
ได้เท่านั้นที่จะมีชีวิตรอด
จากกระบวนการวิวัฒนาการทั้งหมดดังที่กล่าวมานี้
จะก่อให้เกิดความแตกต่าง
(variation) ในหมู่สัตว์ที่อยู่ในสปิชี่เดียวกันดังที่ปรากฏให้เห็นในยุคปัจจุบันนี้
|