ศัพท์สาขามานุษยวิทยากายภาพ  >> หน้า 5

 

                นักมานุษยวิทยากายภาพที่ศึกษาไพรเมตอีกประเภทหนึ่งจะศึกษาวิจัยและทำการทดลองเกี่ยวกับลิงที่ไม่มีหางและลิงมีหางประเภทต่าง ๆ ส่วนมากจะใช้การวิจัยแบบทดลองที่ทำในห้องทดลองแบบที่นักจิตวิทยาใช้กันมาก เช่นศึกษาถึงองค์ประกอบของเคมีชีวะ กลุ่มเลือด การทำงานของอวัยวะ (เช่น ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ) และการตอบโต้ของเส้นประสาทเมื่อถูกกระตุ้นด้วยไฟฟ้า ลิงทั้งสองชนิดนี้จะถูกใช้มากในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ไม่อาจทำการทดลองโดยมนุษย์ได้ เช่น การศึกษาถึงปฏิกิริยาตอบโต้ต่อการที่ถูกแยกออกจากความสัมพันธ์ทางสังคมตั้งแต่เกิด กล่าวคือ เมื่อแรกเกิดจะถูกนำมาขังในกรงตัวเดียวในระยะเวลาหนึ่ง ไม่มีโอกาสพบปะกับลิงตัวอื่น ๆ เลย บางครั้งถูกขังรวมกับลิงตัวอื่น ๆ ด้วย เพื่อดูปฏิกิริยาตอบโต้หลังจากถูกขังเดี่ยวมาระยะเวลาหนึ่ง ลิงบางตัวถูกขังในห้องมืดตั้งแต่เกิด นอกจากนั้นลิงเหล่านี้ยังเป็นหนูตะเภาสำหรับการทดลองยาชนิดใหม่ ๆ หรือถูกใช้ในการผ่าตัดและการทดลองอย่างอื่น ๆ ที่ใช้กับมนุษย์ไม่ได้ เหตุผลที่ลิงเหล่านี้ถูกทดลองมากที่สุด เพราะมันเป็นสัตว์ที่เหมือนมนุษย์มากทั้งลักษณะทางกายภาพ และพฤติกรรม โดยเฉพาะลิงซิมแปนซีและกอริลล่า

                นักมานุษยวิทยากายภาพอีกประเภทหนึ่งจะเน้นศึกษาพฤติกรรมของไพรเมต การศึกษาพฤติกรรมของไพรเมตทำได้ 2 อย่าง คือ การศึกษาในห้องทดลองหรือไม่ใช่สภาพที่มันอยู่ตามธรรมชาติ เช่น ในสวนสัตว์ในกรง อีกวิธีหนึ่งคือการศึกษาไพรเมตในสภาพธรรมชาติ กล่าวคือเข้าไปศึกษาในถิ่นที่อยู่ของมันในป่าจริง ๆ เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมของลิงเหล่านี้ตามความเป็นจริง การศึกษาแบบแรกมีข้อจำกัดมาก เพราะลิงที่ถูกจับจากป่าหรือเกิดในห้องทดลองหรือในสวนสัตว์จะมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรมชาติ เช่น เรื่องการกินที่ไม่ต้องหาอาหารเอง มีการปรับตัวและมีพฤติกรรมอื่น ๆ ต่างไปจากสัตว์ที่อยู่ในป่า ข้อจำกัดเหล่านี้ทำให้มีการศึกษาลิงในธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เพื่อทำความเข้าใจกับพฤติกรรมประเภทต่าง ๆ ของลิง เช่น การสร้างรัง การกระทำระหว่างกัน การอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ความก้าวร้าว (ที่สังเกตเห็นได้จากกิริยาท่าทางที่แสดงการข่มขู่) ความอ่อนน้อม ความสัมพันธ์ทางสังคม การหาตัวหมัด นักมานุษยวิทยากายภาพประเภทที่ศึกษาไพรเมตคิดว่าพฤติกรรมต่าง ๆ เหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ในบรรพบุรุษของมนุษย์